ตามล่าใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น

by แพ็คกระเป๋า · Published 13 กุมภาพันธ์ 2017 · Updated 14 กุมภาพันธ์ 2020

30 Shares

ในที่สุดทริปตามล่าใบไม้เปลี่ยนสีก็มาถึงสักที ทริปนี้เรียกว่าต้องลุ้นกันว่าจะได้ไปช่วงพีคไหม โรงแรมที่จองจะเต็มไหม อากาศจะไม่แปรปรวนใช่ไหม ฮ่าๆ และทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีจนเกิดมาเป็นทริปนี้จนได้ ต้องขอบคุณสมาชิกทั้งหมด 6 คน ที่จองตั๋วข้ามปีและร่วมลุ้นไปด้วยกัน

ใบไม้เปลี่ยนสีหรือฤดูใบไม้ร่วงของประเทศญี่ปุ่นคือ ตั้งแต่เดือน ตุลาคม – ธันวาคม อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 10-19 องศา อากาศกำลังเย็นสบายเหมือนเราอยู่ในห้องแอร์ ตั๋วเครื่องบินช่วงนี้จะค่อนข้างแพง โรงแรมที่อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวจะเต็มหรือไม่ก็ราคาแพง เพราะเทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสีไม่ได้เป็นที่นิยมสำหรับคนไทยหรือคนชาติอื่นๆ เพียงอย่างเดียว คนญี่ปุ่นซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็นิยมมาเที่ยวเช่นกัน ถ้าเราพร้อมที่จะไปแย่งเจ้าบ้านเขาเที่ยวแล้วล่ะก็มาลุยกันเลยคร้าบ

แพลนทริป

วันที่ 1 บินไปลงสนามบินนาริตะ / นั่งชินคันเซ็นไปโอซาก้า / เดินเล่นย่านนัมบะ
วันที่ 2 อุทยานมิโนห์ / ปราสาทโอซาก้า / อควาเรียมไคยูคัง
วันที่ 3 รถไฟซากาโน่ / วัดเทนริวจิ / วัดโทฟุคุจิ / ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
วันที่ 4 นั่งชินคันเซ็นไปคาวาคุจิโกะ / ฟูจิ คาวาคุจิโกะ
วันที่ 5 ขี่จักรยานรอบทะเลสาบคาวาคุจิโกะ / เมเปิ้ลคอริดอร์
วันที่ 6 เล่นหิมะคาวาคุจิโกะ / หนีหนาวไปโตเกียว / ถนนคนเดินนากาโน่
วันที่ 7 ภูเขาฟูจิ / ขึ้นกระเช้าชมฟูจิ / เจดีย์ชูเรโตะ / อุโมงค์ไฟสีน้ำเงิน ชิบุยะ
วันที่ 8 ช้อปปิ้ง โอไดบะ / บินกลับสนามบินดอนเมือง

ตะลอนเที่ยว

รถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen)

รถไฟความเร็วสูงหรือรถไฟหัวกระสุน อยากให้ลองมานั่งดูสักครั้งนะครับ โดยขบวนที่ผมนั่งชื่อ “ฮิคาริ” สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 300 km/h เร็วขนาดที่ว่านั่งจากโตเกียวไปถึงโอซาก้าใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงเองครับ ระหว่างที่นั่งรถไฟชินคันเซ็นเส้นทางนี้ เพื่อนๆ จะได้ชมวิวภูเขาฟูจิด้วยนะครับ

โดทงบอริ (Dotonbori)

ศูนย์รวมแหล่งช้อปปิ้งมีชื่อมากมาย และอาหารที่หลากหลายทั่วประเทศมารวมตัวกันอยู่บริเวณคลองโดทงบอริแห่งนี้ อยากจะกินของอร่อย หรือซื้อของแบรนด์เนม หรือจะมาเดินถ่ายรูปเล่นยามค่ำคืนต้องไม่พลาดที่นี่นะครับ

อุทยานมิโนห์ (Minoh Park)

อุทยานแห่งนี้ติดอันดับสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีที่สุดของภูมิภาคคันไซเลยครับ จากสถานีรถไฟเราต้องเดินเท้าอีก 3 กิโลเมตร เพื่อเข้าไปชมน้ำตกมิโนห์ ตลอดทางเราจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีกันอย่างจุใจเลย

ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)

ไฮไลท์ประจำเมืองโอซาก้า เป็นปราสาทสูง 8 ชั้น ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหิน คูน้ำ และสวนนิชิโนมารุ ซึ่งสวนนี้ไม่ได้งดงามแค่เฉพาะในฤดูใบไม้ผลิ หรือช่วงซากุระบานเท่านั้น เพราะที่นี่มีใบไม้เปลี่ยนสีอย่างแปะก๊วยและเมเปิ้ลที่แข่งกันอวดสีสันของตัวเองอย่างสวยงามด้วยเหมือนกัน

อควาเรียมไคยูคัง (Aquarium Kaiyukan)

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น มีทั้งหมด 8 ชั้น มีสัตว์ให้ชมมากถึง 580 ชนิด หรือ 30,000 กว่าตัว พระเอกของที่นี่คือฉลามวาฬขนาดใหญ่ที่แหวกว่ายอยู่ในแทงค์น้ำขนาดยักษ์ที่จุน้ำได้ถึง 5,400 ตัน มีความลึก 9 เมตร

ศาลเจ้าโนโนมิยะ (Nonomiya Shrine)

ถ้าใครมาป่าไผ่อะราชิยาม่าแล้วล่ะก็ อย่าลืมแวะมาขอพรเรื่องความรักได้จากที่นี่ และยังสามารถซื้อเครื่องรางสำหรับการแต่งงานหรือความรักกลับไปได้ด้วย ขอให้เพื่อนๆ สมความปรารถนากันนะคร้าบ

รถไฟซากาโน่ (Sagano Train)

รถไฟชมวิวซากาโน่ หรือรถไฟสายโรแมนติก เป็นรถไฟท่องเที่ยวที่จะลัดเลาะไปยังริมผาเลียบตามแม่น้ำ นักท่องเที่ยวจะได้ชมวิวธรรมชาติสองข้างทาง และยังสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ขึ้นเรียงรายได้อีกด้วย

วัดเทนริวจิ (Tenryuji Temple)

วัดนี้เป็นวัดเซนอันดับหนึ่งที่พลาดไม่ได้ เพราะที่นี่มีใบไม้เปลี่ยนสีเต็มไปหมดทั่วทั้งบริเวณวัด เราสามารถเดินชมได้ฟรีบริเวณด้านนอก หรือจะจ่ายเงินเพื่อเข้าไปชมสวนสไตล์เซนด้านในด้วยก็ได้

วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple)

วัดนี้เป็นวัดที่ห้ามพลาดอีกแห่งสำหรับคนที่ต้องการชมใบไม้เปลี่ยนสีแบบอลังการ โดยที่นี่มีต้นเมเปิ้ลมากกว่า 2,000 ต้น เรียกว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่สีสันสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสี และเพื่อนๆ อย่าลืมไปเดินที่สะพาน Tsutenkyo ด้วยนะครับ จะทำให้เรารู้ว่าสวรรค์แห่งการชมใบไม้เปลี่ยนสีนั้นเป็นเช่นไร

ฟูชิมิอินาริ (Fushimi-inari Shrine)

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ หรือศาลเจ้าจิ้งจอก ที่นี่เราจะได้เจอเสาโทริอิสีแดง นับพันนับหมื่นต้นเรียงรายล้อมรอบภูเขา ซึ่งถ้าเราจะเดินให้ครบทุกเสาจะต้องใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงเลยทีเดียว แนะนำว่าเดินแค่ 1 กิโลเมตรแรกก็พอครับ ด้านในก็เหมือนๆ กัน

เมเปิ้ล คอริดอร์ (Maple Corridor)

ทางเดินสายเมเปิ้ล เป็นจุดชมใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสีที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในแถบภูเขาฟูจิ ใบไม้ที่ร่วงจะลงมากองที่พื้นเหมือนปูพรมไว้อย่างสวยงาม และถ้าใครมาตรงกับวันที่ 1-23 พ.ย. จะมีการประดับไฟเพื่อชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีในยามค่ำคืนอีกด้วย

ทะเลสาบคาวาคุจิโกะ (Kawaguchiko Lake)

การจะชมใบไม้เปลี่ยนสีรอบทะเลสาบคาวาคุจิโกะได้ดีที่สุดคือการขี่จักรยานหรือการเช่ารถขับ เพราะเราสามารถแวะจุดไหนก็ได้ พวกผมตัดสินใจเลือกเป็นจักรยานแล้วขี่ไปพร้อมๆ กัน ยืนยันว่าใบไม้เปลี่ยนสีรอบทะเลสาบช่างสวยงามมากจริงๆ

หิมะแรก (First Snow)

ช่วงที่ผมไปสภาพอากาศแปรปรวน อุณหภูมิลดต่ำน้อยกว่า 0 องศา ทำให้ผมได้สัมผัสหิมะแรกของปี ใบไม้ทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยสีขาวเพียงชั่วข้ามคืน ถือเป็นเหตุการณ์ที่ประทับใจเหนือความคาดหมายของทุกคน

นากาโน่ บอรด์เวย์ (Nakano Broadway)

ถนนคนเดินที่รวมแบรนด์เนมต่างๆ ไว้มากมาย ใครที่ชอบช้อปปิ้งต้องไม่พลาด ยิ่งถ้ามาทางสายอนิเมะ มังงะ โอตาคุ แล้วล่ะก็สามารถโดนสูบเงินออกจากกระเป๋าได้อย่างไม่รู้ตัว

ภูเขาฟูจิ (Mt. Fuji)

ภูเขาฟูจิ เป็นภูเขาที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น โดยฟูจิซังนั้นเป็นภูเขาที่ขี้อาย ถ้าสภาพอากาศไม่ดีเราก็จะไม่ได้เห็นฟูจิซังไปด้วยจนต้องผิดหวังไปตามๆ กัน ใครที่จะมาอย่าลืมเช็คพยากรณ์อากาศให้ดี โดยทะเลสาบคาวาคุจิเป็นจุดชมวิวภูเขาฟูจิสะท้อนอยู่ในน้ำที่สวยงามมากแห่งนึง

กระเช้าชมฟูจิ (Kachi Kachi Ropeway)

ใครที่อยากเห็นภูเขาฟูจิในมุมสูงต้องไม่พลาดการขึ้นกระเช้าไปยังยอดเขาคาชิคาชิ โดยกระเช้าแห่งนี้มีตำนานเล่าขานของเจ้าแรคคูนกับกระต่ายด้วยนะครับ ด้านบนเราจะได้เห็นฟูจิซังเต็มๆ ตาเลยล่ะครับ

เจดีย์ชูเรโตะ (Chureito Pagoda)

เจดีย์แดงตั้งตระหง่านอยู่บนเขา ที่นี่เป็นอีกจุดนึงที่ผู้คนต่างเดินขึ้นบันไดหลายร้อยขั้นมาเพื่อชมภูเขาฟูจิ โดยจะมีมุมให้เราถ่ายรูปฟูจิซังกับเจดีย์ได้ด้วย แต่แนะนำให้มาก่อนเที่ยง เพราะจะถ่ายรูปได้สวยและไม่ย้อนแสงครับ

อุโมงค์ไฟสีน้ำเงิน (Blue Tunnel)

อุโมงค์ไฟสีน้ำเงินที่ชิบุยะ โดยปีนี้ 2016 เป็นครั้งที่สองที่อุโมงค์ไฟถูกนำกลับมาจัดแสดงอีกครั้ง การประดับตกแต่งด้วยไฟ LED สีน้ำเงินตามต้นไม้เป็นระยะทางประมาณ 750 เมตร ยิ่งเดินเข้าไปลึกก็ยิ่งสวย

โอไดบะ (Odaiba)

เป็นเกาะที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งช้อปปิ้ง มีห้างมากมาย เช่น ไดเวอร์ซิตี้ พาเลตทาวน์ วีนัสฟอร์ต เป็นต้น เรียกว่าเดินทั้งวันก็ไม่หมด และที่นี่ยังมีสะพานสายรุ้งที่หลายคนชอบมาชมแสงไฟในยามค่ำคืนด้วยครับ

ห้างวีนัสฟอร์ต (Venus Fort)

ห้างนี้มีจุดเด่นคือการตกแต่งแบบเวนิส เพดานเป็นท้องฟ้าสามารถเปลี่ยนสีไปตามเวลาจริง ให้ความรู้สึกเหมือนกับเรากำลังอยู่ใต้ท้องฟ้าด้านนอกห้าง หรือใครเคยไป The Venetian ที่มาเก๊าก็คงให้ความรู้สึกคล้ายๆ กัน และที่นี่ยังเป็นศูนย์รวม Outlet แบรนด์เนมมากมาย มองไปทางไหนก็มีแต่ร้านที่พร้อมจะให้เราควักเงินออกจากกระเป๋าไปอย่างไม่รู้ตัว