สังขละบุรี ทองผาภูมิ มาเที่ยวกันนะกาญจนบุรี

image00094ทริปนี้รวมสมาชิกได้ 12 คน มากับรถยนต์ 3 คัน เรียกว่าเยอะสุดๆ ในบรรดาทริปทั้งหมดเลย ปกติไปจังหวัดกาญจนบุรีก็ไม่ได้เน้นเที่ยวแบบจริงจัง แต่คราวนี้เรามาเที่ยวกันนะกาญจนบุรี

แพลนทริป

วันที่ 1 เดินทางไปกาญจนบุรี / ต้นจามจุรียักษ์ / วัดบ้านถ้ำ / วัดถ้ำเสือ
วันที่ 2 ประตูเมืองเก่า / วัดถ้ำพุหว้า / ทางรถไฟสายมรณะ ถ้ำกระแซ / เขื่อนวชิราลงกรณ์
วันที่ 3 ป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม / สะพานมอญ สังขละบุรี
วันที่ 4 แพบุญเติน / เดินทางกลับ กทม.

ออกเดินทางกันแต่เช้า นัดเจอที่บ้านเพื่อนที่พระราม 2 เป็นจุดปล่อยรถจุดแรก แล้วตรงดิ่งไปยังต้นจามจุรียักษ์กันเลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. ก็ได้เจอกับความอลังการของต้นจามจุรียักษ์ หรือต้นก้ามปูยักษ์ ที่แผ่กิ่งก้านสาขาครอบคลุมพื้นที่เกือบ 1 ไร่ ขนาด 10 คนโอบ และมีอายุมากกว่า 100 ปี สามารถเข้าชมได้ฟรี ตั้งแต่ 6.00 – 18.00 น.

image00003

ต้นจามจุรียักษ์

จากนั้นเราก็ไปต่อกันที่วัดบ้านถ้ำ วัดนี้ต้องปีนบันไดมากกว่า 700 ขั้น เพื่อขึ้นไปชมพระบรมธาตุเกตุแก้วจุฬามณีนาคพรรณบุรีศรีเมืองกาญจน์ซึ่งอยู่บนยอดเขาครับ โดยระหว่างทางเราต้องเดินขึ้นบันไดลอดปากมังกร ภายในตัวมังกรมีตำนานสมัยสุโขทัยตั้งแต่เรื่องเศรษฐีสร้างพระพุทธรูปใหญ่ปางมารวิชัยในถ้ำคูหามังกรสวรรค์ ไปจนถึงความเกี่ยวข้องกับวรรณคดี “ขุนช้างขุนแผน” ให้ได้อ่านกันด้วย

image00005

จุดเริ่มต้นทางขึ้นบันได วัดบ้านถ้ำ

image00006

พอพ้นหางมังกรมาจะเจอทางเดินประมาณนี้

image00011

พระบรมธาตุเกตุแก้วจุฬามณีนาคพรรณบุรีศรีเมืองกาญจน์ บนยอดเขาวัดบ้านถ้ำ

image00013

วิวบนยอดเขา พระบรมธาตุเกตุแก้วจุฬามณี วัดบ้านถ้ำ

image00014

หลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปปางมารวิชัยสมัยสุโขทัย ภายในถ้ำคูหามังกรสวรรค์

จบจากวัดบ้านถ้ำเล่นเอาทุกคนเหงื่อตกกันไปตามๆ กัน พักกันสักครู่ก็เดินทางต่อไปยังวัดถ้ำเสือ นั่น… เห็นบันไดลิบๆ นั่นไหม นี่เราต้องเดินขึ้นบันไดอีกแล้ว ฮ่าๆๆ จริงๆ แล้วมีรถรางพาขึ้นไปนะครับ แต่คนต่อคิวกันเต็ม พวกผมจึงขอผ่าน ด้านบนจะมีพระพุทธรูปใหญ่ปางประทานพร ยอมรับว่าองค์ใหญ่มากใหญ่แบบสะดุดตาเลยครับ ด้านซ้ายจะมีพระเจดีย์เกศแก้วมหาปราสาทสูง 9 ชั้น ภายในเจดีย์สามารถเข้าชมได้ฟรีทุกวัน ตั้งแต่ 8.30 – 16.30 น. อีกด้วย อลังการมากๆ ครับวัดนี้

image00015

วัดถ้ำเสือ

image00016

พระพุทธรูปปางประทานพร วัดถ้ำเสือ

image00017

พระเจดีย์เกศแก้วมหาปราสาท วัดถ้ำเสือ

จบทริปวันนี้แต่ละคนขาล้ากันไปเลย คืนแรกนี่เราจะไปนอนบ้านเพื่อนที่กาญจนบุรีกันครับ ดังนั้นถึงบ้านก็นอนพักผ่อนกันเลย พอเช้าวันรุ่งขึ้นก็ไปเดินตลาดหาของรองท้องกันนิดหน่อยแล้วไปไหว้รัชกาลที่ 3 ที่ประตูเมืองเก่าเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยกันครับ ผมมัวแต่ถ่ายรูปป้ายกาญจนบุรีจนลืมไปเลยว่ายังไม่ได้ถ่ายประตูเมืองเก่า สงสัยจะได้กลับไปแก้ตัวครั้งหน้าแน่ๆ ฮ่าๆๆ

image00030

พระรูปรัชกาลที่ 3 จะเห็นประตูเมืองเก่าอยู่ด้านหลังท่านด้วยครับ

image00031

ป้ายกาญจนบุรี ยักษ์

เมื่อเรียบร้อยเราก็ไปต่อกันที่วัดถ้ำพุหว้า จุดเด่นคือตัววัดสร้างด้วยศิลปะแบบขอม และอุโบสถสร้างไว้ภายในถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยที่งดงามมากครับ ต่อมาจึงมีการบูรณะและสร้างอุโบสถที่มีการแกะสลักครอบตัวถ้ำอีกที นับว่าเป็นอีกวัดนึงที่มีความอลังการมากจริงๆ

image00033

อุโบสถที่แกะสลักครอบถ้ำเดิมเอาไว้

image00034

พระพุทธรูปองค์ใหญ่ วัดถ้ำพุหว้า

image00036

ภายในอุโบสถ วัดถ้ำพุหว้า

image00038

หินงอกหินย้อย วัดถ้ำพุหว้า

หลังจากจบทริปไหว้พระแล้ว เราก็ไปต่อกันที่ถ้ำกระแซ หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในชื่อเส้นทางรถไฟสายมรณะ ทางรถไฟจะลัดเลาะไปตามเชิงผาเลียบไปกับลำน้ำแควน้อย จากจุดนี้จะเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก และถ้าใครต้องการถ่ายรูปกับรถไฟ ให้รอเวลา 5.56, 7.37,  11.40, 13.26, 16.09 และ 17.50 น. จะมีรถไฟมาจอดที่สถานีถ้ำกระแซด้วยครับ ของผมไม่อยากรอเพราะคนเต็มไปหมดเลย แล้วยังต้องลุ้นอีกว่ารถไฟจะมาตรงเวลาไหม ฮ่าๆ

image00042

ถ้ำกระแซ

image00041

เส้นทางรถไฟสายมรณะ

จากนั้นเราก็แวะไปถ่ายรูปที่เขื่อนวชิราลงกรณ์ หรือชื่อเดิมเขื่อนเขาแหลม เข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่ 6.00 – 18.00 น. แล้วก็เดินทางต่อไปยังที่พักที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ป้อมปี่

image00046

วิวจากบนเขื่อนวชิราลงกรณ์

เมื่อถึงอุทยานแห่งชาติเขาแหลมก็จัดแจงจ่ายค่าธรรมเนียมอุทยาน คนละ 40 บาท รถยนต์ คันละ 30 บาท เสร็จแล้วก็เอาข้าวของที่ซื้อมาระหว่างทางไปเตรียมทำกับข้าวมื้อเย็นกัน พวกผมจองเป็นบ้านพัก 2 หลัง เนื่องจากเรามากันเยอะทำให้อุ่นใจกว่านอนเต็นท์มากครับ อากาศที่นี่เย็น เงียบสงบ ให้ความรู้สึกตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลย

image00061

ป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม

image00050

บ้านพัก อุทยานแห่งชาติเขาแหลม

image00051

ลานกางเต็นท์ จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก อุทยานแห่งชาติเขาแหลม

เช้าวันรุ่งขึ้นก็เตรียมอาหารเช้าง่ายๆ แล้วก็เก็บข้าวของออกเดินทางกันต่อ วันนี้เราจะไปสังขละบุรีกันครับ ที่นี่จุดเด่นก็คือสะพานมอญ และการล่องเรือชมเมืองบาดาล โดยการล่องเรือจะคิดเหมาลำละ 300-500 บาท ถ้าใครต้องการลงไปเดินชมเมืองบาดาล หรือวัดวังก์วิเวการาม (เดิม) ต้องมาประมาณมีนาคม-พฤษภาคม ไม่อย่างนั้นจะเห็นแต่ยอดโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาเท่านั้น ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมวัดนี้จึงจมอยู่ใต้น้ำก็เพราะมีการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์หรือเขื่อนเขาแหลมเพื่อกักเก็บน้ำ จึงเป็นสาเหตุให้วัดนี้กลายเป็นเมืองบาดาล Unseen Thailand อย่างที่เห็นครับ

image00072

สะพานมอญ สังขละบุรี

image00074

สะพานมอญ สังขละบุรี

image00067

วัดศรีสุวรรณ(เดิม) จมน้ำแบบนี้เดินไม่ได้แน่นอน

image00069

วัดสมเด็จ (เดิม) อยู่กลางป่าเลยทีเดียว

image00093

วัดวังก์วิเวการาม (เดิม)

เสร็จแล้วพวกเราก็ไปต่อกันที่แพบุญเติน โดยเราจะนอนบนแพ 1 คืน มีอาหารให้ 2 มื้อ มี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว ด้านหลังแพจะมีอุปกรณ์เล่นน้ำ เช่น เรือคายัค เสื้อชูชีพ ฝักบัวล้างตัว และด้านหน้าแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับไว้ทานอาหารหรือทำกิจกรรมร่วมกัน บนแพมีน้ำจืดและไฟฟ้าให้ใช้แต่มีปริมาณจำกัดเพราะอาศัยปั้มดูดน้ำในถังเก็บน้ำใต้แพขึ้นมาใช้ ผมแอบชะเง้อไปดูหน้าตาเหมือนเครื่องสำรองไฟ UPS เลยครับ ฮ่าๆ ดังนั้นแค่ชาร์จโทรศัพท์มือถือกับแบตเตอรี่กล้องก็พอ ภายในห้องนอนมีพัดลมให้ครับ เรียกว่าสะดวกสบายจริงๆ ระหว่างที่เรากำลังสำรวจแพก็รู้สึกได้ว่าแพกำลังไหลไปเรื่อยๆ ไม่ต้องตกใจนะครับ เพราะเขาจะลากแพของเราไปผูกไว้กลางเขื่อนใกล้ๆ ริมผา เรียกได้ว่าเป็นจุดที่สวยงามมากเลยล่ะครับ ตื่นเช้ามาก็จะได้เจอขุนเขา สายหมอก และน้ำที่นิ่งสงบ อ่า… ฟิน….

image00080

แพบุญเติน

image00082

ชิงช้าตรงพื้นที่ส่วนกลาง ที่โปรดสำหรับนั่งชิลของผมเลย

image00076

ห้องนอน แพบุญเติน

image00083

วิวจากห้องนอน แพบุญเติน

เช้าวันรุ่งขึ้น พวกผมก็ไม่รอช้าคว้าไม้พายพากันจ้ำบนเรือคายัคแข่งกัน บ้างก็เล่นน้ำบนแพไม้ไผ่ดูสนุกสนานกันมาก หรือจะแค่ยืนมองวิวยามเช้าก็ตะลึงกับความอลังการแล้วครับ

image00079

ชาอุ่นๆ สักแก้ว กับวิวสวยๆ ที่เงียบสงบ

image00084

แพบุญเติน ที่พวกผมมาพักกันครับ

image00086

วิวทิวทัศน์ช่างสวยงามจริงๆ

image00088

กำลังลากแพกลับเข้าฝั่ง

เอาล่ะหมดเวลาสนุกแล้วสินะ ทางแพเอาเรือมาลากกลับเข้าฝั่งซะแล้ว แพไหลเรื่อยๆ ไปตามน้ำ ร่างกายกับจิตใจได้ชาร์จแบตอย่างเต็มที่พร้อมลุยกับวันใหม่ บ้ายบาย..กาญจนบุรี ไว้โอกาสหน้าจะมาใหม่นะ แล้วแพ็คกระเป๋าไปด้วยกันใหม่นะคร้าบ

ค่าใช้จ่าย

  • ค่าเข้าอุทยาน คนละ 40 บาท และรถยนต์ 3 คัน 90 บาท ตกคนละ 48 บาท
  • ค่าบ้านพัก 2 หลัง 1 คืน อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ป้อมปี่ ทั้งหมด 1,800 บาท ตกคนละ 150 บาท
  • ค่าล่องเรือ สังขละบุรี ทั้งหมด 500 บาท ตกคนละ 42 บาท
  • ค่าแพบุญเติน 1 คืน รวมอาหาร 2 มื้อ ทั้งหมด 13,800 บาท ตกคนละ 1,150 บาท
  • ค่าน้ำมันรถทั้งหมด 5,800 บาท ตกคนละ 484 บาท
  • ค่าอาหาร 8 มื้อ ทั้งหมด 10,845 บาท ตกคนละ 904 บาท

รวมทั้งหมด 2,778 บาท/คน

อัลบั้มรูป

Facebook Comments

You may also like...

87 Shares
Share87
Tweet
Pin