หาดใหญ่ หลีเป๊ะ งบน้อยก็เที่ยวได้

ทริปนี้เป็นทริปที่ฟลุ๊คจองตั๋วโปรได้อีกแล้ว ไปกลับดอนเมือง-หาดใหญ่ ราคา 150 บาท ตอนแรกก็กะจะเที่ยวแต่หาดใหญ่ 3 วัน 2 คืน กะชิลสบายๆ หาของกินไม่เน้นเที่ยวเพราะทริปนี้มีงบจำกัดไม่เกิน 3,500 บาท แต่น้องที่มาด้วยบอกว่า เนี่ยจากหาดใหญ่สามารถไปเกาะหลีเป๊ะได้ด้วยนะ และช่วงที่เราจองมาก็เป็นช่วงเกาะเปิดพอดี ไปกันๆ เอาล่ะสิ.. หลีเป๊ะไปครั้งนึงนี่ไม่ต่ำกว่า 7,000 บาท ยิ่งจะให้ลดค่าใช้จ่ายเรื่องกินนี่ยังไงผมก็ไม่ยอม แล้วจะทำยังไงดีละเนี่ยที่จะได้ไปเกาะหลีเป๊ะกับงบที่จำกัด ฮือๆๆ

แต่แล้วโชคก็เข้าข้างผมเสมอๆ มัณดาวีต์ทัวร์จัดโปรโมชั่นทาง Facebook ใน 1,999 บาท/คน (ราคาโปรโมชั่นปกติ 2,999 บาท/คน ในงานไทยเที่ยวไทย) ทัวร์เกาะหินงาม เกาะอาดัง ดำน้ำปะการังร่องน้ำจาบัง หาดทรายขาว ด้วยสปีดโบ๊ท รวมอุปกรณ์ดำน้ำ ประกันภัย ค่าไกด์ ค่าธรรมเนียมอุทยาน พักรีสอร์ทติดริมทะเล 3 วัน 2 คืน มีแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น ใกล้ท่าเรือปากบารา ฟรีรถรับส่งจากรีสอร์ทไปทัวร์เกาะ มีอาหารให้ 3 มื้อ ซึ่งผมว่านี่ล่ะที่จะทำให้เราไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะได้ด้วยงบอันน้อยนิดที่มีอยู่ แต่ใจนึงก็กังวลว่า ราคานี้มันจะมีอะไรในกอไผ่ไหมนะ แต่เอาเถอะ.. ขนาดแอร์เอเชียไปกลับ 150 บาท ยังมีเลย ฮ่าๆ

ตื่นแต่เช้ามารอขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง รู้สึกตื่นเต้นนิดๆ ว่ามันจะราบรื่นไหมนะ ใช้เวลาบนเครื่องบินประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงสนามบินหาดใหญ่ ท้องฟ้าแจ่มใสดีมาก เดินออกมาจากสนามบินก็จะเห็นรถสองแถวสีฟ้าจอดรอเราอยู่ ขึ้นไปนั่งได้สักพักรถก็พาเข้าเมือง ค่ารถ 30 บาท ผมไปลงที่ตลาดกิมหยงเพื่อที่จะไปฝากกระเป๋ากันที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ ค่าฝากใบละ 20 บาท แค่นี้เราก็สามารถเดินตัวปลิวเที่ยวได้ทั่วหาดใหญ่แล้ว แต่ก่อนจะไปเที่ยว เรามาเติมพลังกันที่ร้านโชคดีแต่เตี้ยมติ่มซำก่อนครับ

เมื่ออิ่มท้องกันเรียบร้อย เราก็เดินไปที่หอนาฬิกาครับ ซึ่งจุดนี้จะเป็นจุดขึ้นรถสองแถวสีขาวที่จะพาพวกผมไปยังสวนสาธารณะหาดใหญ่ และหาดใหญ่ไอซ์โดม ให้ดูรถสองแถวสีขาวที่แปะป้ายว่า “สวนสาธารณะ” นะครับ

ตอนแรกผมเห็นสวนสาธารณะก็เลยรีบกดกริ่งลงเพราะคิดว่าถึงหาดใหญ่ไอซ์โดมแล้ว แต่พอถามคนขับว่าถึงหาดใหญ่ไอซ์โดมแล้วหรือยัง คนขับก็บอกว่ายังไม่ถึงให้ขึ้นไปนั่งบนรถต่อแล้วถ้าถึงจะบอก รถวิ่งไปได้แค่ 400 เมตร คนขับรถก็หยุดให้ผมลงฝั่งตรงข้ามหาดใหญ่ไอซ์โดม ค่ารถสองแถว 10 บาทครับ ดังนั้นถ้ากลัวลงผิดแบบผมให้บอกคนขับตั้งแต่แรกเลยว่าจะมาหาดใหญ่ไอซ์โดม พวกผมข้ามถนนแล้วเดินตรงเข้าไปจ่ายค่าเข้าไอซ์โดมคนละ 200 บาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะพาไปเลือกเสื้อกันหนาวและถุงมือ อุณหภูมิที่นี่ -15 องศา แนะนำให้ใส่กางเกงขายาวและรองเท้าผ้าใบมานะครับ และที่นี่ไม่รับฝากกระเป๋าด้วยครับ เสร็จแล้วก็พาเข้าไปในห้องปรับอุณหภูมิ มีการอธิบายข้อห้าม ข้อควรปฏิบัติสักเล็กน้อย รวมไปถึงเรื่องไอน้ำที่เลนส์กล้องที่จะเกิดตอนออกจากห้อง เป็นต้น เอาล่ะ… ไปลุยกันเลยครับ

ฮ่าๆ พวกผมอยู่กันได้ แค่ 30 นาที ก็ออกมา อากาศเย็นมากๆ ยังไงเพื่อนๆ ระวังเรื่องของสุขภาพกันด้วยนะครับ เมื่อออกมาแล้วพวกผมก็เดินไปถามหาทางขึ้นเคเบิ้ลคาร์ไปไหว้พระด้านบนยอดเขาคอหงส์ แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าปิดปรับปรุงอยู่ แต่ยังมีรถรางพาขึ้นไปยอดเขาอยู่นะ ค่ารถไปกลับคนละ 20 บาท โอเคเลย.. ประหยัดค่าเคเบิ้ลคาร์ได้อีกคนละ 200 บาท ฮ่าๆ

รถรางพาผมมาส่งด้านบนยอดเขาคอหงส์เรียบร้อย เห็นวิวตัวเมืองหาดใหญ่ด้วยครับ ที่นี่มีพระพุทธมงคลมหาราช เป็นพระพุทธรูปทองเหลืองที่สูงที่สุดในภาคใต้ กราบไหว้กันสักพักก็เดินลงที่บันไดทางด้านหน้าพระพุทธรูปเพื่อลงไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมกันต่อ มองจากข้างบนคิดว่าเจ้าแม่กวนอิมอยู่ไม่ไกล แต่ที่ไหนได้เดินกันสักพักจนเหงื่อซึมเลยทีเดียว ระหว่างทางจะพบเง็กเซียนฮ่องเต้ และได้ลอดปากมังกรด้วยนะครับ

เสร็จแล้วถึงคราวลำบากล่ะ ขามาเดินลงบันไดยังโอเค แต่ขากลับนี่ต้องเดินกลับขึ้นไปรอรถรางข้างบนอีกเนี่ยสิ แต่ด้วยความที่ผมตาไวเห็นรถปิกาจูสีเหลืองกำลังลงมาพอดี จึงรีบวิ่งไปโบกไม้โบกมือ ในที่สุดก็ได้นั่งรถรางกลับลงไปข้างล่างโดยที่ไม่ต้องเดินขึ้นไปรอข้างบนยอดเขาอีก ถือว่าโชคดีมากๆ ถึงข้างล่างก็เดินเล่นสวนสาธาณะกันสักหน่อย จากนั้นก็นั่งรถสองแถวสีขาวกลับไปยังตลาดกิมหยง แล้วเดินไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่สถานีรถไฟ มารอขึ้นรถสองแถวสีฟ้าที่ตลาดกิมหยงเหมือนเดิม คราวนี้เราจะไปที่ตลาดเกษตร (ท่ารถตู้) จ่ายค่ารถตู้คนละ 110 บาท ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ก็มาถึงหน้าปากซอยทางเข้ารีสอร์ท ทางรีสอร์ทบอกว่าลงจากรถตู้แล้วให้โทรมาจะเอารถออกไปรับ แต่ผมคิดว่าอยากเดินเล่นเลียบชายทะเลดู ก็เลยเดินกันเรื่อยๆ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ก็ถึงรีสอร์ทซึ่งอยู่ติดทะเลเลยครับ เจ้าหน้าที่นัดแนะเรื่องทัวร์เกาะ และพาเดินไปส่งที่ห้องพัก จากนั้นพวกผมก็นอนเก็บแรงสำหรับทัวร์เกาะวันพรุ่งนี้ก่อนนะครับ

ตื่นเช้ามาก็ไปทานอาหารเช้าของรีสอร์ทเป็นข้าวผัด ไข่ดาว แซนวิช น้ำส้ม ชา กาแฟ ถือว่าใช้ได้เลย เวลา 8.00 น. รถก็มารับไปยังออฟฟิตของทัวร์ อธิบายข้อควรปฏิบัติ ข้อห้ามต่างๆ กันเสร็จเรียบร้อยก็พานั่งรถไปส่งที่ท่าเรือ พร้อมออกเดินทางไปดำน้ำแบบวันเดย์ทริป เกาะแรกที่เราจะไปก็คือ เกาะไข่ครับ ไฮไลท์ก็คือ ซุ้มประตูหิน “รักนิรันดร์” ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าคู่รักคู่ไหนมาลอดซุ้มนี้ด้วยกัน ก็จะรักกันมั่นคงยืนยาว

จากนั้นเราก็ไปเกาะราวี ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ จุดดำน้ำตื้นร่องน้ำจาบัง ซึ่งน้ำที่นี่ใสมาก มองเห็นปะการังชัดเจนเลย เราแวะพักทานอาหารกลางวันกันบนเกาะนี้ อาหารเป็นอาหารกล่อง ผลไม้ มีน้ำเปล่า และน้ำหวาน วัสดุกล่องอาหารทุกชิ้นเป็นวัสดุรีไซเคิลทั้งหมดครับ ทางทัวร์นี้รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมดีมาก ผมเห็นล่ะประทับใจ

จากนั้นก็พาพวกผมไปต่อกันที่เกาะหินงาม ไฮไลท์ที่นี่ก็คือที่เกาะนี้จะมีแต่ก้อนหินกลมมนทั้งเกาะ ไม่มีทรายให้เห็นเลยครับ และถ้าก้อนหินโดนกับน้ำทะเลก็จะส่องแสงประกายระยิบระยับงดงามมากด้วยครับ

และในที่สุดเกาะสุดท้ายที่พวกผมมากันก็คือ เกาะหลีเป๊ะนั่นเอง ทางทัวร์สามารถนำพวกผมขึ้นมาบนเกาะหลีเป๊ะได้เลย ซึ่งถือว่าดีมากๆ ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมอะไรหยุมหยิมเพิ่มเติมเลยครับ ผมมีเวลาเดินเล่นบนเกาะประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เกาะนี้ทะเลสวยนะครับแต่คนเยอะไปหน่อย ชาวต่างชาติเต็มไปหมด อารมณ์เหมือนอยู่เกาะพะงัน ที่พัก ร้านอาหารก็แพงด้วย ซึ่งผมจะไม่ชอบเลยครับ ดังนั้นการมาวันเดย์ทริปแบบนี้ก็ดี คือมาให้รู้ว่าหลีเป๊ะเป็นอย่างไรก็พอ แล้วกลับไปอยู่ที่ๆ ตรงกับไลฟ์สไตล์ของเราเหมือนเดิม และแบบนี้ยังทำให้ประหยัดไปได้มากด้วยครับ

จากนั้นทัวร์ก็พามาส่งที่รีสอร์ท ผมจัดการเช่าจักรยานคนละคันปั่นไปหาร้านอาหารริมทะเลกันครับ เสร็จแล้วก็กลับมานอนพุงพลุ้ยที่รีสอร์ทเหมือนเดิม นอนเก็บแรงไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะไปอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรากันครับ

เช้าวันนี้อากาศสดใสอีกเช่นเคย เจ้าหน้าที่รีสอร์ทบอกว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนคลื่นแรงมาก ซัดสะพานทางเดินไปอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตราพังจึงต้องปิดปรับปรุง แต่ก็สามารถไปเดินเล่นได้ ทำให้ตอนนี้สามารถเข้าไปได้เลยไม่ต้องเสียค่าเข้าอุทยาน เรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายเนี่ย ฮ่าๆ ภายในอุทยานอากาศดีมากๆ ฟ้าก็สดใส คลื่นลมนิ่งสงบ แดดอ่อนๆ ทำให้ไม่ร้อนมาก ผมเดินไปเรื่อยๆ ชมวิวระหว่างทางช่างสุดยอดเหลือเกินครับ

จากนั้นผมก็เดินกลับมายังที่รีสอร์ท เก็บข้าวของ เหมารถกับทางรีสอร์ทให้ไปส่งที่ท่ารถตู้ในเมืองสตูล 100 บาท ถึงปุ๊บก็จ่ายเงินค่ารถตู้ไปหาดใหญ่คนละ 110 บาท ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงเหมือนเดิมก็มาถึงหาดใหญ่ รถตู้มาส่งผมที่ตลาดกิมหยง ทำให้ผมสามารถซื้อของฝากกันได้อย่างสบายเลย เสร็จแล้วก็ต่อรถสองแถวสีฟ้าไปสุดสายที่สนามบินหาดใหญ่นั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ ทริปนี้เป็นทริปที่ประหยัดจริงๆ ยอมรับเลยว่ามัณดาวีต์ทัวร์ทำให้การเที่ยวหลีเป๊ะในงบ 3,500 บาท ของผมเป็นไปได้ และอะไรที่ต้องเสีย เช่น กระเช้าปิดเลยได้เสียค่ารถรางขึ้นยอดเขาซึ่งถูกกว่ามาก ค่าธรรมเนียมขึ้นโป๊ะและเรือรับส่งเกาะหลีเป๊ะก็ไม่ต้องจ่ายเพราะทางทัวร์ไปส่งได้ถึงบนเกาะเลย และค่าเข้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตราก็ไม่ต้องเสียเพราะสะพานพังอีก ยิ่งทำให้ประหยัดเข้าไปใหญ่ ฮ่าๆ แล้วแพ็คกระเป๋าไปเที่ยวด้วยกันใหม่นะคร้าบ

ค่าใช้จ่าย

• ตั๋วเครื่องบินไปกลับ ดอนเมือง-หาดใหญ่ 150 บาท/คน
• ที่พัก 3 วัน 2 คืน ทัวร์ดำน้ำ 1 วัน อาหาร 3 มื้อ 1,999 บาท/คน
• ฝากกระเป๋าคนละ 20 บาท
• หาดใหญ่ไอซ์โดม 200 บาท/คน
• รถรางขึ้นยอดเขาคอหงส์ 20 บาท/คน
• ค่าเช่าจักรยานคนละคัน คันละ 50 บาท
• เหมารถจากรีสอร์ทไปส่งท่ารถตู้สตูล ทั้งหมด 100 บาท ตกคนละ 50 บาท
• รถตู้ไปกลับ หาดใหญ่-ปากบารา/ สตูล-หาดใหญ่ คนละ 220 บาท
• ค่ารถสองแถวในหาดใหญ่ ทั้งหมด 100 บาท/คน
• ค่าอาหาร 4 มื้อ ทั้งหมด 1,360 บาท ตกคนละ 680 บาท

รวมทั้งหมด 3,489 บาท/คน

อัลบั้มรูป