อุดรธานี เวียงจันทน์ วังเวียง เมืองธรรมชาติน่าเที่ยว

image00029คราวก่อนผมพาไปเที่ยวกุ้ยหลินเมืองไทยกันมาแล้วที่เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฏร์ธานี คราวนี้ผมจะพาไปชมกุ้ยหลินเมืองลาวกันบ้างครับ กุ้ยหลินเมืองลาวอยู่ที่เมืองวังเวียงเป็นเมืองที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ บรรยากาศเต็มไปด้วยหมอก ขุนเขา และสายน้ำ การเดินทางมาก็ไม่ยากสามารถบินตรงจากกรุงเทพฯ มาลงที่ จ.อุดรธานี หรือที่เวียงจันทน์ได้เลย แล้วต่อรถบัสหรือรถตู้ยิงยาวไปวังเวียง

อากาศที่ประเทศลาวเหมือนกับประเทศไทย จึงสามารถแต่งตัวได้เหมือนอยู่บ้านเรา และที่สำคัญสามารถพูดภาษาไทยแล้วสื่อสารกันรู้เรื่องด้วย เงินไทยยังเอามาใช้ได้ที่ประเทศลาวอีก ทำให้ประเทศลาวเป็นประเทศที่เหมาะกับการมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์จริงๆ

แพลนทริป

วันที่ 1 บินไปลงสนามบินอุดรธานี / เดินเที่ยวยูดีทาวน์
วันที่ 2 ล่องเรือชมทะเลบัวแดง / รถบัสไปเวียงจันทน์ / รถตู้ไปวังเวียง / เดินเที่ยววังเวียง
วันที่ 3 ล่องเรือชมแม่น้ำซอง / ถ้ำจัง / บลูลากูน / ถ้ำปูคำ / เดินเที่ยววังเวียง
วันที่ 4 รถตู้ไปเวียงจันทน์ / เหมารถไหว้พระที่เวียงจันทน์ / เดินเล่นริมโขง
วันที่ 5 รถบัสไปอุดรธานี / บินกลับสนามบินดอนเมือง

ทริปนี้ผมได้ตั๋วโปรไปกลับ ดอนเมือง-อุดรธานี 150 บาท ไฟล์ทขาไปบินตอนเย็น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงสนามบินอุดรธานี เวลา 18.30 น. จัดการติดต่อรถเช่า 1 วัน สำหรับขับเข้าเมืองไปยังที่พัก และใช้ขับไปทะเลบัวแดงในวันพรุ่งนี้ด้วย ที่พักคืนนี้ของผมก็คือ สุรดา เกสต์เฮ้าส์ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับยูดีทาวน์อันเป็นแหล่งช็อปปิ้งขึ้นชื่อของเมืองอุดร เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 10.00 – 22.00 น.

image00011

บรรยากาศภายในที่พัก สุรดา เกสต์เฮ้าส์

Check-in แล้วออกไปเดินเล่นยูดีทาวน์กันครับ ร้านอาหารเราจะคุ้นหูกันอยู่แล้วเพราะเหมือนกับร้านในห้างทั่วไป แต่ที่นี่มีจุดเด่นก็คือเป็นแหล่งช็อปปิ้งแบบเปิดขายนอกตัวอาคาร (Open-air Mall) มีซุ้มที่จัดไว้ให้สำหรับถ่ายรูปโดยเฉพาะ เหมาะกับการแชะแอนด์แชร์ลง Facebook และ Instagram จริงๆ ผมเดินเล่นกันสักพักก็กลับที่พัก

image00006

ถนนคนเดิน ยูดีทาวน์

image00008

ซุ้มไฟ ถนนคนเดิน ยูดีทาวน์

ตื่นมาเวลา 4.30 น. อาบน้ำแต่งตัวหยิบกระเป๋าเอาไปเก็บท้ายรถ การ Check-out ของที่นี่ก็คือให้ล็อกห้องแล้วเอากุญแจมาวางไว้ในกล่องคืนกุญแจได้เลยเป็นอันจบพิธิ จากนั้นก็ขับรถไปท่าเรือบัวแดงใช้เวลาประมาณ 50 นาที มีค่าจอดรถ 10 บาท ตอนนี้เป็นเวลา 6.00 น. แล้ว พวกผมเดินไปท่าเรือหางยาวซื้อตั๋วคนละ 100 บาท หนึ่งลำสามารถนั่งได้ 2-3 คน หรือถ้าใครมากันเป็นหมู่คณะก็มีเรือลำใหญ่แบบนั่งได้ไม่เกิน 10 คน ราคาประมาณ 500 บาท ต่อลำด้วยครับ แล้วถ้าใครต้องการให้พาไปที่ไกลๆ ก็สามารถเพิ่มเงินตรงส่วนขายตั๋วอีกคนละ 50 บาท คนขับเรือก็จะพาไปวนดูทะเลบัวแดงนานขึ้น ยิ่งไกลก็ยิ่งเห็นดงบัวแดงอลังการ ใช้เวลาบนเรือหางยาวประมาณ 40 นาที – 90 นาที อยากให้จอดแวะถ่ายรูปตรงไหน บอกคนขับเรือได้เลยครับ

image00012

ท่าเรือทะเลบัวแดง อ.กุมภวาปี

image00014

นั่งเรือหางยาว ชมทะเลบัวแดง

เสร็จแล้วก็ขับรถกลับมาคืนที่สนามบิน แล้วเหมารถลีมูซีนไปส่งที่ขนส่งอุดรธานี ไปถึงก็ให้ซื้อตั่วรถบัสไปเวียงจันทน์ได้เลยครับ โดยแพลนเดิมผมจะนั่งรถบัสต่อเดียวไปยังวังเวียงเลย แต่รถบัสมีแค่ตอน 8.30 น. และมีรอบเดียวต่อวัน ถ้าจะไปดูทะเลบัวแดงตอนเช้าต้องเตรียมใจไว้เลยที่จะต้องนั่งรถบัสไปลงที่เวียงจันทน์ก่อน แล้วค่อยหารถตู้ต่อไปยังวังเวียงอีกที อะไรง่ายๆ พวกผมไม่ทำ ฮ่าๆ

image00019

จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารระหว่างประเทศ อุดร-เวียงจันทน์ / อุดร-วังเวียง

รถบัสจากอุดรธานีไปเวียงจันทน์มี 8 เที่ยวต่อวัน ได้แก่ รอบ 8.00, 9.00, 10.30, 11.30, 14.00, 15.00, 16.30 และ 18.00 น. ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง (รวมเวลาตอนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง) ผมได้รอบ 10.30 น. รถบัสพาไปส่งที่เวียงจันทน์ตอน 12.30 น. พอถึงตลาดเช้าปุ๊บก็มีคนขับสามล้อ (คนลาวเรียก Skylab) มารุมล้อมทันที พวกผมเดินหนีออกมาจนเจอรถบัสที่จะพาไปยังขนส่งสายเหนือแล้วนะ แต่ดันไปได้ยินคนขับสามล้อบอกว่าใครจะไปวังเวียงไม่ต้องไปถึงขนส่งก็มีรถตู้พาไปนะ จึงลองคุยดูแล้วก็ตกลงกันเสร็จสรรพที่คนละ 80,000 กีบ หรือ 320 บาท ไปส่งถึงวังเวียงก็เลยโอเคตามนั้น คนขับสามล้อพาไปยังท่ารถตู้ ส่งผมเสร็จคุยไปคุยมาสรุปต้องจ่ายให้คนขับสามล้อเพิ่มอีกคนละ 12,500 กีบ หรือ 50 บาท ฮ่าๆ โดนแล้วหนึ่งดอก ยังไม่พอไปถึงรถตู้ VIP จอดอยู่อย่างใหม่เลย แต่ค่ารถไม่ใช่ 80,000 กีบ นะครับ กลับเป็นราคา 100,000 กีบ เอาแล้วสิ พวกผมก็เลยยืนยันว่าจะรอคัน 80,000 กีบ ในรอบถัดไป แต่คิวรถตู้บอกว่างั้นไม่ต้องรอหรอกขึ้นไปเลยจ่ายราคา 80,000 กีบพอ ฮ่าๆ กลายเป็นว่าโชคดีเพราะหักล้างค่ารถสามล้อที่ต้องจ่ายไป ก็ถือว่าจ่ายได้ถูกกว่าและยังได้นั่งรถใหม่ด้วย ฮ่าๆ ควรภูมิใจไหมเนี่ย

รถตู้ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง พวกผมนั่งหลับกันสบาย แอร์เย็นเฉียบ แต่สบายแค่ตอนขับในเมืองนี่แหละ พอออกนอกเมืองเท่านั้นก็หัวโยกหัวคลอนไปตามถนนที่แสนจะขรุขระ ฝุ่นแดงๆ นี่จับสองข้างทาง ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้านั่งแบบเปิดประทุนคงหัวแดงเป็นฝรั่งแน่ๆ รถตู้จะมีจอดแวะให้เข้าห้องน้ำ 1 ครั้ง โดยจุดแวะจะมีร้านอาหารและขนมให้บริการด้วย สามารถใช้เงินไทยจ่ายได้เลยครับ พวกผมมาถึงวังเวียงก็เป็นเวลา 18.30 น. แล้ว ฟ้าเริ่มมืดต้องอาศัยแสงไฟตามร้านส่องทางเดิน ในที่สุดก็มาถึงโรงแรม Elephant Crossing เป็นโรงแรมที่อยู่ติดริมแม่น้ำ และจากห้องพักสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำซองได้ด้วยครับ

image00020

ห้องพักโรงแรม Elephant Crossing

เอาล่ะ.. ออกไปหาอาหารเย็นทานกันดีกว่า ทำไมนะที่วังเวียงคนเกาหลีเยอะมากๆๆ ร้านอาหาร ร้านทัวร์ขึ้นป้ายภาษาลาว อังกฤษ และเกาหลี นี่แสดงว่าคนเกาหลีมาที่นี่กันเยอะเลย ขนาดร้านที่ผมไปทานคนขายยังเป็นคนเกาหลีเลย ฮ่าๆ เมื่ออิ่มแล้วก็กลับที่พักไปพักผ่อนที่โรงแรมกันครับ

image00022

เดินเล่นยามค่ำคืน วังเวียง

image00025

แอบเหมือน 7-11 บ้านเรา แต่มันคือ มินิมาร์ท

เช้าวันใหม่เริ่มขึ้นแล้ว แสงอาทิตย์ส่องสว่างเข้ามาในห้อง ผมเดินไปเปิดม่านที่ระเบียงเท่านั้นล่ะ โอ้โหวว.. แบบว่า.. มันเป็นวิวที่อลังการมาก ผมรีบคว้ากล้องมาถ่ายรูปแทบไม่ทัน ภูเขา แม่น้ำ หมอก และบอลลูน

image00026

วิวจากห้องพัก ริมแม่น้ำซอง ขณะบอลลูนผ่านมา

อิ่มเอมกับวิวกุ้ยหลินเมืองลาวไปแล้ว ก็ลงไปทานอาหารเช้าที่โรงแรมเตรียมไว้ให้กันครับ ห้องอาหารที่นี่ตั้งอยู่ติดแม่น้ำซอง ผมเลือกโต๊ะติดริมน้ำบรรยากาศดีมาก ส่วนอาหารมีพอสมควร ถูกปากคนไทยด้วยครับ

image00027

อาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ ของทางโรงแรม

image00028

วิวจากห้องอาหาร ขณะทานข้าวเช้า

อิ่มเรียบร้อยแล้วเราไปหากิจกรรมทำกันดีกว่า ที่นี่สามารถซื้อ One day trip ได้ด้วยนะครับ เช่น ล่องห่วงยาง ชมถ้ำ พายเรือคายัค แต่น่าเสียดายที่ไม่มีพาไปบลูลากูน ผมจึงไม่ได้ซื้อ One day trip แล้วจัดทริปเองโดยการเหมารถหรือเรือไปครับ ซึ่งแพลนของผมก็คือ นั่งเรือล่องแม่น้ำซอง ค่าเรือ 340 บาท นั่งได้ 3-4 คน แล้วให้ย้อนกลับมาส่งที่ถ้ำจัง ต่อจากนั้นเหมารถพาไปที่บลูลากูน 120,000 กีบ หรือ 480 บาท แล้วให้มาส่งที่หน้าโรงแรม ก็ครบ 3 ที่ที่อยากไปครับ

image00032

ล่องเรือแม่น้ำซอง

พวกผมใช้เวลาบนเรือประมาณ 40 นาที (ทั้งไปและกลับ) วิวสองข้างทางช่างอลังการเหลือเกิน น้ำนี่นิ่งใสประดุจกระจกสะท้อนเอาภูเขา ต้นไม้สองข้างทางลงไปด้วย สายลมปะทะที่ใบหน้าอ่อนๆ เย็นสดชื่น เฮ้อ.. อยากอยู่แบบนี้ไปนานๆ ขากลับคนขับเรือพาพวกผมไปส่งฟากเดียวกับถ้ำจัง ทำให้ไม่ต้องเสียค่าข้ามสะพานแดง 2,000 กีบ (อันนี้เพิ่งมารู้ทีหลังว่าต้องเสียค่าข้ามสะพานด้วย ซอรี่นะครับ คนขับเรือเขาไปส่งผมฟากนู้นเองนะ) จากนั้นเดินไปเรื่อยๆ จะเจอทางขึ้นถ้ำจัง มีค่าเข้า 15,000 กีบ (ถ้าจ่ายเงินไทยก็ 65 บาท) ภายในถ้ำจังประกอบไปด้วยหินงอกหินย้อย อากาศชื้นแต่รู้สึกอบอ้าว เดินถ่ายรูปกันประมาณ 30 นาทีก็กลับครับ

image00035

บันไดจากปากทางเข้าถ้ำจัง

image00038

ภายในถ้ำจัง

จากนั้นพวกผมก็เดินย้อนกลับมาข้ามสะพานแดง ตอนข้ามสะพานกลับมาไม่มีใครสนใจเลยครับ แต่ขาเข้ามีเจ้าหน้าที่ยืนเก็บเงินอยู่

image00040

ถ่ายรูปกับสะพานแดงตัดกับวิวภูเขาด้านหลังสวยงามมาก

จากนั้นพวกผมก็เหมารถลักษณะคล้ายรถซูบารุหรือรถกระป๋องบ้านเราไปยังบลูลากูนต่อครับ ระหว่างทางจะมีสะพานสำหรับรถข้าม คนขับรถก็จ่ายค่าข้ามสะพานให้เรียบร้อยไม่ได้มาเก็บกับผมเพิ่มด้วยครับ วิวระหว่างทางไปบลูลากูนยังขรุขระเหมือนเดิม ถนนเป็นถนนดินแดง สองข้างทางนี่อารมณ์แบบชนบทบ้านเราเลยครับ ต่างกันตรงถนนบ้านเราลาดยางเรียบร้อยแล้ว

image00043

วิวระหว่างทางไปบลูลากูน

ในที่สุดก็มาถึงบลูลากูน ที่นี่น้ำในสระจะเป็นสีฟ้าเขียวใส มีค่าเข้าคนละ 10,000 กีบ หรือ 40 บาท ภาพแรกที่เห็นคือน้ำสีสวยมาก ภาพที่สองที่เห็นคือ แก๊งเกาหลีเต็มไปหมดเลย ฮ่าๆ

image00044

บลูลากูน กับแก๊งเกาหลี

เมื่อชมบลูลากูนกันเรียบร้อย ก็เดินเข้าไปด้านในเพื่อจะขึ้นไปถ้ำปูคำ เอาเป็นว่าผมไม่แนะนำให้มานะครับเพราะทางขึ้นเรียกว่าโหดพอสมควร ภายในถ้ำมืดสนิทต้องเช่าไฟฉายจากข้างนอกเข้ามาด้วย ด้านในมีพระพุทธรูปองค์เล็กๆ สำหรับให้คนมากราบไหว้แค่นั้นครับ ถ้าใครต้องการจะเดินในถ้ำแบบจริงจัง แนะนำให้จ้างไกด์ได้เลยครับ ถ้าหลงขึ้นมานี่ไม่อยากจะคิด

image00045

ทางขึ้นไปยังปากถ้ำปูคำ

เสร็จแล้วก็เดินย้อนกลับมาที่เดิม คนขับรถนอนรออยู่ที่รถ พอเห็นเราปุ๊บก็ลุกขึ้นไปประจำตำแหน่งพร้อมพาพวกผมกลับ ถึงโรงแรมก็จ่ายเงินเป็นอันจบ One day trip ที่แพลนกันเอง คืนนี้พวกผมก็มานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินกัน บรรยากาศดีเหลือเกิน คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วที่จะได้อยู่ที่นี่ จะจำไว้ไม่ลืมเลย เมืองวังเวียง

image00050

พระอาทิตย์ตก ณ วังเวียง

เช้านี้ผมติดต่อรถตู้แถวๆ โรงแรมให้พาไปส่งที่เวียงจันทน์ รถตู้นัดมารับตอน 8.00 น. ดีเลย ผมจะได้มีเวลาทานอาหารเช้าสบายๆ เมื่อถึงเวลารถตู้ก็มารับแล้วพาซิ่งไปเวียงจันทน์ ค่ารถ 300 บาท ไปส่งถึงตลาดเช้าเลย ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงครับ ไปถึงก็จัดการ Check-in เข้าที่พัก แล้วออกไปหาอะไรทานกันครับ ร้านที่เลือกกันก็คือ ร้านเฝอแซ่บ เป็นก๋วยเตี๋ยวเวียดนาม รสชาติอร่อยดี หอมน้ำซุปและพริกไทย

image00053

เฝอชามใหญ่ ร้านเฝอแซ่บ

จากนั้นก็เดินไปตลาดเช้าหารถ Skylab ที่จะพาเราไปไหว้พระ รอบๆ เวียงจันทน์ ตกลงราคาเหมาได้ 500 บาท เอาล่ะไปกันโล้ด ที่แรกก็คือพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ หรืออีกชื่อคือพระเจดีย์โลกะจุฬามณี ใครที่มาเวียงจันทน์แล้วไม่ได้มาไหว้พระธาตุที่นี่เรียกว่ามาไม่ถึงเวียงจันทน์นะครับ บริเวณด้านหน้ามีอนุสาวรีย์พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ประดิษฐานอยู่ด้วยครับ

image00054

พระธาตุหลวงเวียงจันทน์ หรือพระเจดีย์โลกะจุฬามณี

ที่ต่อไปก็คือ ประตูไซ หรือที่เราเรียกว่าประตูชัยนั่นเองครับ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงครามก่อนปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ ค่าขึ้นไปด้านบนประตูไซ คนละ 2,000 กีบ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ 8.00 – 17.00 น.

image00064

ประตูไซ หรือประตูชัย

image00062

วิวจากด้านบนประตูไซ

ที่ต่อมาก็คือหอพระแก้ว แต่ช่วงที่ผมไปหอพระแก้วกำลังบูรณะจึงไม่เปิดให้เข้าชมก็เลยต้องตัดไปครับ ส่วนที่ต่อไปก็คือวัดศรีเมือง เป็นที่ตั้งของเสาหลักเมืองประจำนครเวียงจันทน์ ค่าเข้าชม 5,000 กีบ หรือ 20 บาท เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ 8.00 – 17.00 น.

image00065

วัดศรีเมือง

เมื่อจบทริปไหว้พระ รถก็มาส่งผมที่ริมแม่น้ำโขง ที่นี่จะมีตลาดกลางคืนให้เดินเล่นเลียบแม่น้ำโขงไปเรื่อยๆ ของขายเยอะมากทั้งเสื้อผ้า อาหาร ของที่ระลึก เดินไปสุดทางด้านซ้ายมือจะเจอกับอนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ หรือ เจ้าอะนุวง พระหัตถ์ซ้ายกุมพระแสงดาบ พระหัตถ์ขวาผายไปด้านหน้า มีความสูง 8.26 เมตร หล่อขึ้นโดยใช้ทองแดงหนักถึง 8 ตัน

image00069

อนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ หรือ เจ้าอะนุวง

image00070

ตลาดนัดริมโขง ตอนกลางคืน

ขากลับโรงแรมผมก็ย้อนกลับทางเดิม เราจะเจอน้ำพุ ยิ่งตอนกลางคืนจะมีไฟเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ สวยดีครับ

image00071

น้ำพุ เวียงจันทน์

เมื่อเรียบร้อยตามแพลน พวกผมก็กลับไปที่โรงแรมเตรียมเก็บกระเป๋า วันรุ่งขึ้นก็รีบ Check-out ออกจากโรงแรมแต่เช้า เดินไปขึ้นรถบัสใกล้ๆ ตลาดเช้าเพื่อไปยังด่านมิตรภาพไทย-ลาว ค่ารถ 5,000 กีบ ทำพิธีผ่านแดนเรียบร้อยก็นั่งรถบัสข้ามสะพานระหว่าง 2 ประเทศ คนละ 20 บาท ไปฝั่งด่านหนองคายกลับสู่ประเทศไทย ก่อนจะโทรศัพท์อย่าลืมเช็คว่ามือถือจับเครือข่ายที่ประเทศไทยเรียบร้อยแล้วนะครับ ไม่งั้นอาจจะโดนค่าโรมมิ่งแพงๆ ได้

image00072

ด่านพรมแดนหนองคาย

ที่ด่านหนองคายจะมีรถตู้พาไปส่งในเมืองอุดรธานีหรือสนามบิน ค่ารถคนละ 200 บาท ไปถึงสนามบินเวลาเหลือๆ ก็เลยเลือกซื้อของฝากกันได้อีก จากนั้นก็รอขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ จบทริปอุดรธานี เวียงจันทน์ วังเวียง ไว้เท่านี้ แล้วแพ็คกระเป๋าไปเที่ยวด้วยกันใหม่นะคร้าบ

ค่าใช้จ่าย

  • ค่าเครื่องบินไปกลับ ดอนเมือง-อุดรธานี คนละ 150 บาท
  • ค่าที่พัก 4 คืน ทั้งหมด 5,164 บาท ตกคนละ 2,582 บาท
  • รถเช่า 700 บาท ตกคนละ 350 บาท
  • ค่าน้ำมัน 150 บาท ตกคนละ 75 บาท
  • ค่าจอดรถ 10 บาท ตกคนละ 5 บาท
  • เรือหางยาวชมทะเลบัวแดง 100 บาท/คน
  • รถลีมูซีนจากสนามบินไปส่งที่ขนส่ง ทั้งหมด 200 บาท ตกคนละ 100 บาท
  • รถบัสจากขนส่งอุดรธานีไปเวียงจันทน์ 80 บาท/คน
  • ค่ารถสามล้อจากตลาดเช้าไปส่งท่ารถตู้ไปวังเวียง 50 บาท/คน
  • ค่ารถตู้ไปกลับ เวียงจันทน์-วังเวียง 620 บาท/คน
  • นั่งเรือล่องแม่น้ำซอง ทั้งหมด 340 บาท ตกคนละ 170 บาท
  • เหมารถไปบลูลากูน ทั้งหมด 480 บาท ตกคนละ 240 บาท
  • ค่าเข้าถ้ำจัง 65 บาท/คน
  • ค่าเข้าบลูลากูน 40 บาท/คน
  • เหมารถไหว้พระ เมืองเวียงจันทน์ 500 บาท ตกคนละ 250 บาท
  • ค่าเข้าประตูไซ 10 บาท/คน
  • ค่าเข้าวัดศรีเมือง 20 บาท/คน
  • รถบัสจากเวียงจันทน์ไปด่านมิตรภาพไทย-ลาว 20 บาท/คน
  • รถข้ามสะพานระหว่าง 2 ประเทศ 20 บาท/คน
  • บัตรผ่านแดน One way ticket ทั้งขาไปและขากลับ ทั้งหมด 55 บาท/คน
  • รถตู้จากด่านหนองคายไปส่งสนามบินอุดรธานี 200 บาท/คน
  • ค่าอาหาร 9 มื้อ 780 บาท/คน

รวมทั้งหมด 5,982 บาท/คน

อัลบั้มรูป

Facebook Comments

You may also like...

30 Shares
Share30
Tweet
Pin