เลย เชียงคาน มาเลยมาเที่ยวกัน
เนื่องจากแพ็คกระเป๋าทำงานประจำด้วย และวันลาก็เริ่มร่อยหรอ ช่วงวันหยุดยาวจึงเป็นอะไรที่เหมาะสมที่สุด แต่การหาสมาชิกไปช่วงหยุดยาวนี่มันช่างยากเสียจริง เพราะใครๆ ก็ต่างมีทริปเป็นของตัวเองทั้งนั้น แต่ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จย่อมเกิด เราจึงได้สมาชิก 4 คน พอดีรถยนต์ 1 คัน ทริปรอบนี้เราจึงเลือกที่คนน้อยๆ ในช่วงหยุดยาวปลายเดือนตุลาคม ซึ่งผมก็แปลกใจมากว่านั่นคือ จ.เลย ทำไมช่วงวันหยุดยาวที่นี่ถึงรถไม่ติด ที่พักราคาไม่แพง และยังมีที่เที่ยวมากมาย อย่างนี้ต้องแพ็คกระเป๋าไปพิสูจน์กันเลยคร้าบ
แพลนทริป
วันที่ 1 เดินทางจาก กทม. / สวนหินผางาม (คุณหมิง) / ภูป่าเปาะ (ฟูจิ) / น้ำตกเพียงดิน / ถนนคนเดินเพลินภู
วันที่ 2 แก่งคุดคู้ / ล่องเรือลำน้ำโขง / วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน / ภูพระใหญ่ / ถนนคนเดินเชียงคาน
วันที่ 3 ตักบาตรข้าวเหนียว / ภูทอก / ขี่จักรยานเลียบโขง / ล่องแพห้วยกระทิง / กลับ กทม.
จังหวัดเลย อยู่ห่างจาก กทม. 525 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาขับรถประมาณ 7-8 ชม. พวกผมจึงเริ่มออกเดินทางเวลา 4.00 น. แล้วไปแวะทานไก่ย่างขึ้นชื่อที่วิเชียรบุรี ไปถึงเหมือนไปช่วยเขาเปิดร้านเลยครับ อาหารเพิ่งจะทำเสร็จมีแต่ไก่ย่าง ข้าวเหนียว และส้มตำ
เมื่อจัดแจงมื้อเช้ากันจนอิ่มก็ออกเดินทางต่อ โดยขอข้ามมาที่สวนหินผางามเลยนะครับ ตอนนี้เป็นเวลา 12.00 น. เรามาจัดการข้าวเที่ยงกันให้อิ่มก่อน แล้วก็ไปติดต่อไกด์นำเที่ยวเพื่อไปเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติกัน โดยแพลนของพวกผมก็คือขาไปจะเดินชมธรรมชาติความงดงามของป่าไม้และผาหิน ซึ่งเราจะได้เจอหินหน้าตาแปลกๆ โดยทางไกด์จะอธิบายให้เราฟังทุกจุดใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนขากลับจะนั่งรถแต๊กแต๊กกลับมาอีกทางใช้เวลา 15 นาที คนส่วนใหญ่เลยเลือกนั่งรถแต๊กแต๊กไปและกลับเพื่อไปดูไฮไลท์แค่จุดสุดท้ายของที่นี่คือ “คุณหมิงเมืองเลย” นั่นเองครับ เอาเป็นว่าถ้าใครมีเวลาก็ลองมาเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติกันนะครับ ผมจะยกจุดเด่นๆ ให้ดูกัน ที่เหลืออยากให้ทุกคนลองไปเดินชมกันเอง
มาถึงจุดท้ายแล้วเราจะพบกับผาหินสูงใหญ่หรือ “คุณหมิงเมืองเลย” ยิ่งช่วงบ่ายๆ แดดกำลังส่องไปตรงผาหินพอดี ทำให้เห็นรายละเอียดชัดเจนเพิ่มความอลังการขึ้นไปอีก บรรดาเซลฟี่ต่างผลัดเปลี่ยนกันถ่ายรูปไม่ขาดมือ เมื่อได้ภาพสมใจเราก็นั่งรถแต๊กแต๊กกลับกัน ที่ต่อไปก็คือ “ภูป่าเปาะ” เราจะได้ขึ้นไปชมภูเขาลูกใหญ่ ซึ่งเขาเปรียบว่าเป็น “ฟูจิเมืองเลย” การเดินทางให้ขับรถกลับมาจากสวนหินผางาม พอเจอแยกให้เลี้ยวขวาครับ สังเกตุจะมีป้ายบอกทางไป “ภูป่าเปาะ” จากนั้นให้ไปจอดรถที่ศูนย์บริการนำเที่ยวของชุมชน แล้วติดต่อรถแต๊กแต๊กขึ้นภู ไม่สามารถนำรถยนต์ขึ้นไปได้เพราะเป็นทางลูกรังและลาดชันมาก
จุดชมวิวที่สามเป็นจุดที่คนแวะพักเยอะมาก เพราะเราต้องเดินขึ้นเขาไปยังจุดชมวิวที่สี่ ประมาณ 200-300 เมตร ผมจึงขอข้ามไปยังจุดชมวิวที่สี่เลยล่ะกัน
ด้านบนนี้อากาศเย็นใช้ได้เลยครับ วิวรอบๆ สามารถมองเห็นภูต่างๆ รวมถึงภูกระดึงด้วย หลังจากอิ่มเอมกับการถ่ายรูปบนยอดภูป่าเปาะเรียบร้อย ก็เดินลงไปขึ้นรถแต๊กแต๊กกลับไปยังศูนย์บริการนำเที่ยวของชุมชน แต่เวลายังเหลือก็เลยขับรถย้อนไปแวะที่น้ำตกเพียงดิน ซึ่งเป็นน้ำตกที่อยู่ติดถนน สามารถเดินเข้าไปชมได้อย่างสะดวก และช่วงนี้น้ำกำลังเยอะ จึงได้เห็นน้ำตกไหลมาเป็นสายสวยงามจริงๆ
น้ำตกเล็กๆ สวยงามมาก อยู่ติดถนนไร้ผู้คน ที่นี่เลยกลายเป็นที่ของพวกผมชั่วระยะเวลานึง ฟ้าเริ่มมืดแล้วรีบไปเช็คอินที่โรงแรมกันดีกว่าครับ
โรงแรมนี้อยู่ใจกลางเมือง มีอาหารเช้าให้ ราคาไม่แพง และยังมีโปรโมชั่นให้บ่อยๆ บริเวณใกล้เคียงโรงแรมมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ หรือจะให้พูดว่าโรงแรมอยู่กลางสวนสาธารณะเลยก็ได้ครับ ตอนกลางคืนบริเวณอีกฟากของโรงแรมจะมีถนนคนเดินให้ได้ช้อปปิ้งด้วยนะครับ ชื่อว่า “ถนนคนเดินเพลินภู” มีทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 17.00-23.00 น. ขาช้อปปิ้งอย่าพลาดนะครับ เสร็จแล้วก็กลับมาพักผ่อนนอนหลับเป็นตายเลย เช้าวันใหม่มาถึง วันนี้ทุกคนจะได้ชิลกันเต็มที่ โดยเราจะไปว่ายน้ำ และเดินถ่ายรูปบริเวณโรงแรมกันครับ ไม่เร่งรีบอีกแล้ว
เมื่อเดินเล่นกันจนพอสมควร เราก็ไปทานอาหารเช้ากันที่ห้องอาหารโบตั๋น ที่นี่มีอาหารเช้าไม่เยอะมาก แต่มีให้เลือกหลากหลาย เรียกว่าครบทุกความต้องการ อาหารอร่อยถูกปากดีทีเดียว
สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจมาพักที่โรงแรมเลยพาเลซ สามารถเข้าตามลิงค์นี้ได้เลยครับ https://www.traveloka.com/th-th/hotel/thailand/loei-palace-hotel-1000000362300 ที่ Traveloka จะมีโปรโมชั่นส่วนลดโรงแรมให้บ่อยมาก ใครที่ไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์เพย์เมนต์ได้ และราคาที่แสดงก็เป็นราคาสุทธิทำให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายแอบแฝงอีกด้วย
ทานอาหารเช้าเรียบร้อย ก็เช็คเอาท์แล้วขับรถกันไปเชียงคาน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถนนรถไม่เยอะ วิวสองข้างทางสวยงามจริงๆ ที่แรกที่เราจะไปคือ “แก่งคุ้ดคู้” ลักษณะเป็นแก่งหินใหญ่ขวางลำน้ำโขง ทำให้เกิดการคุดคู้ไปมา ที่นี่ยังมีตำนานการเกิดแก่งคุดคู้โดยมีนายพรานจึ่งขึ่งดั้งแดงขนหินมาขวางแม่น้ำ และสุดท้ายโดนสามเณรปราบจนนอนตายคุดคู้กลายเป็นแก่งคุดคู้นั่นเอง
จากนั้นเราก็ไปที่วัดพระพุทธบาทภูควายเงินกันต่อครับ วัดนี้เป็นวัดที่มีความเชื่อว่าคนมีบุญวาสนาจริงๆ เท่านั้นที่จะมาถึงวัดแห่งนี้ได้ ส่วนคนที่บุญวาสนาไม่ถึงก็จะเจออุปสรรคต่างๆ ทำให้มาไม่ถึง แต่ปัจจุบันทางทำดีขึ้น สามารถขับรถยนต์ขึ้นเขามาได้เลย ด้วยอานิสงส์นี้ทำให้พวกผมกลายเป็นคนมีบุญวาสนาไปในทันที
เมื่อเรียบร้อยก็เหลือที่สุดท้ายคือ “ภูพระใหญ่” เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธนวมินทรมงคลลีลาทวินคราภิรักษ์ เป็นพระพุทธรูปปางลีลาประทานพร สูง 19 เมตร ฐานกว้าง 7.2 เมตร อยู่บริเวณยอดภูคกงิ้วซึ่งเป็นผืนดินแห่งแรกของทางภาคอีสานที่มีแม่น้ำโขงไหลผ่าน ด้านบนมีทิวทัศน์งดงามมาก การขับรถขึ้นมาต้องชำนาญในการขับขึ้นเขาพอสมควรเลยนะครับ
เรียบร้อยทั้งหมดก็ตรงดิ่งไปยังที่พักกันดีกว่า พวกผมจองที่พักบ้านภัทราวดีซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำโขง สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำจากห้องนอนหรือที่ระเบียง ตัวที่พักอยู่ตรงข้ามกับวัดศรีคุณเมืองสามารถจอดรถภายในวัดได้ฟรี และบริเวณหน้าที่พักคือถนนคนเดิน เรียกว่าครบลงตัวจริงๆ
เมื่อเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยก็ออกไปเดินถนนคนเดินกันครับ อย่างที่บอกช่วงนี้เป็นช่วงหยุดยาว คนเยอะมากๆๆ ที่พักริมแม่น้ำโขงแขวนป้ายว่าเต็มทุกที่ไม่เหลือเลย พวกผมต้องไหลกันไปเรื่อยๆ แวะดูของกันตลอด อยากได้อะไรแวะ อยากกินอะไรซื้อ
เดินไปจนสุดทางก็นั่งชิลรับลมเย็นสักพักแล้วก็เดินย้อนกลับ คนเริ่มน้อยลงน่าจะเข้าที่พักกันไปหมดแล้ว ความเงียบและความมืดมาเยือนเรื่อยๆ กลับมาสงบได้อีกวันแล้วนะเชียงคาน พวกผมรีบเข้านอนเพราะมีนัดตักบาตรข้าวเหนียวในตอนเช้า
ผมรอจนกระทั่งพระบิณฑบาตประมาณ 6.20 น. จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับว่าฟ้าจะสว่างช้าหรือเร็วแค่ไหน เราจะได้เสียงระฆังดังเป็นสัญญาณของการเริ่มบิณฑบาต พวกผมอยู่หน้าวัดเลยได้ตักบาตรข้าวเหนียวเป็นกลุ่มแรก เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็ขับรถกันไปที่ภูทอก เพื่อจะขึ้นไปจุดชมวิว ที่จริงแล้วต้องมาถึงที่นี่ประมาณ 5.30 น. เพื่อให้ทันหมอกตอนเช้า และการขึ้นไปบนภูจะต้องนั่งรถกระบะขึ้นไปอีกคนละ 25 บาท ใช้เวลาประมาณ 15 นาที พวกผมเลยได้ขึ้นมาถึงยอดภูตอน 8.00 น. หมอกนะเหรอมีเหลืออยู่แค่กระจุกเดียว ฮ่าๆ
หงอยกันไปตามๆ กัน ทะเลหมอกไม่มีนะวันนี้ รีบกลับที่พักดีกว่า เรามีแพลนจะไปปั่นจักรยานเลียบแม่น้ำโขงต่อ ที่พักมีจักรยานไว้ให้ปั่นฟรี มีเหลืออยู่ 4 คัน แต่ละคันอาจจะมีอาการไม่สมประกอบบ้าง แต่ก็สามารถนำมาขี่ได้อย่างปลอดภัย เอาล่ะ.. ไปลุยกันเล้ยยย
จากนั้นก็เช็คเอาท์ที่พักบ้านภัทราวดี แล้วขับรถไปยังห้วยกระทิงกันต่อครับ เราจะเจอจุดชมวิวห้วยกระทิงเป็นจุดแรก จากจุดนี้จะมองเห็นบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยกระทิงในมุมสูง อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิงมีอีกชื่อว่า อ่างเก็บน้ำหมานตอนบน อยู่ในพื้นที่การดูแลของอุทยานแห่งชาติหริรักษ์ มีความจุ 26 ล้านลูกบาศก์เมตร กิจกรรมที่พลาดไม่ได้ของที่นี่ก็คือการล่องแพพักผ่อน พร้อมทานอาหารท่ามกลางอ่างเก็บน้ำ ที่มีวิวทิวทัศน์อันสวยงามโอบล้อมเอาไว้ โดยแพจะถูกลากเอาไปปล่อยไว้กลางห้วยให้ลอยไปมา พอถึงเวลาก็จะถูกลากกลับ สามารถเช่าเสื้อชูชีพลงเล่นน้ำได้ด้วยครับ
เมื่อชมวิวเสร็จแล้ว ก็ให้ขับรถไปต่ออีกนิดนึง จะเจอทางเข้าไปยังแพต่างๆ พวกผมเลือกแพแรกกันครับ ชื่อว่า “แพเจ้าขุนทอง” ไปถึงก็สั่งอาหารกันให้เต็มที่ แล้วเข้าห้องน้ำกันให้เรียบร้อย นัดแนะกับคุณลุงเจ้าของแพว่าให้ลากไปปล่อยกลางห้วยสัก 1-2 ชั่วโมง แล้วกลับมารับด้วย อ่า… ฟิน
เมื่อกินข้าวกันอิ่มเรียบร้อย ต่างคนต่างก็หลับเอาแรง ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเที่ยงตรงแต่อากาศกลางห้วยนี่ช่างเย็นเหลือเกิน ลมพัดเอื่อยๆ พาให้แพลอยไปลอยมา อีกสักพักก็ต้องขับรถยิงยาวกลับ กทม. แล้วสินะ ดังนั้นจงเก็บเกี่ยวความสุขนี้ไว้ให้มากที่สุดล่ะกัน เจอกันใหม่ทริปหน้า แล้วแพ็คกระเป๋าไปเที่ยวด้วยกันนะคร้าบ
ค่าใช้จ่าย
- โรงแรมเลยพาเลซ 2 ห้อง 1 คืน รวมอาหารเช้า ทั้งหมด 2,084 บาท ตกคนละ 521 บาท
- ที่พักบ้านภัทราวดี 2 ห้อง 1 คืน ทั้งหมด 1,600 บาท ตกคนละ 400 บาท
- ค่าไกด์สวนหินผางาม 25 บาท/คน
- รถแต๊กแต๊กสวนหินผางาม ขากลับ 15 บาท/คน
- รถแต๊กแต๊กฟูจิ ไปกลับ 60 บาท/คน
- ล่องเรือแม่น้ำโขง แก่งคุดคู้ 40 บาท/คน
- ตักบาตรข้าวเหนียว 60 บาท/คน
- รถกระบะขึ้นภูทอก 25 บาท/คน
- ค่าลากแพ ห้วยกระทิง ทั้งหมด 300 บาท ตกคนละ 75 บาท
- ค่าที่จอดรถยนต์ ภูทอก 20 บาท ตกคนละ 5 บาท
- ค่าที่จอดรถยนต์ แก่งคุ้ดคู้ 10 บาท ตกคนละ 3 บาท
- ค่าน้ำมันทั้งหมด 2,140 บาท ตกคนละ 535 บาท
- ค่าอาหาร 7 มื้อ ทั้งหมด 3,240 บาท ตกคนละ 810 บาท
รวมทั้งหมด 2,574 บาท/คน
Facebook Comments