เลย เชียงคาน มาเลยมาเที่ยวกัน

image00093เนื่องจากแพ็คกระเป๋าทำงานประจำด้วย และวันลาก็เริ่มร่อยหรอ ช่วงวันหยุดยาวจึงเป็นอะไรที่เหมาะสมที่สุด แต่การหาสมาชิกไปช่วงหยุดยาวนี่มันช่างยากเสียจริง เพราะใครๆ ก็ต่างมีทริปเป็นของตัวเองทั้งนั้น แต่ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จย่อมเกิด เราจึงได้สมาชิก 4 คน พอดีรถยนต์ 1 คัน ทริปรอบนี้เราจึงเลือกที่คนน้อยๆ ในช่วงหยุดยาวปลายเดือนตุลาคม ซึ่งผมก็แปลกใจมากว่านั่นคือ จ.เลย ทำไมช่วงวันหยุดยาวที่นี่ถึงรถไม่ติด ที่พักราคาไม่แพง และยังมีที่เที่ยวมากมาย อย่างนี้ต้องแพ็คกระเป๋าไปพิสูจน์กันเลยคร้าบ

แพลนทริป

วันที่ 1 เดินทางจาก กทม. / สวนหินผางาม (คุณหมิง) / ภูป่าเปาะ (ฟูจิ) / น้ำตกเพียงดิน / ถนนคนเดินเพลินภู
วันที่ 2 แก่งคุดคู้ / ล่องเรือลำน้ำโขง / วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน / ภูพระใหญ่ / ถนนคนเดินเชียงคาน
วันที่ 3 ตักบาตรข้าวเหนียว / ภูทอก / ขี่จักรยานเลียบโขง / ล่องแพห้วยกระทิง / กลับ กทม.

จังหวัดเลย อยู่ห่างจาก กทม. 525 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาขับรถประมาณ 7-8 ชม. พวกผมจึงเริ่มออกเดินทางเวลา 4.00 น. แล้วไปแวะทานไก่ย่างขึ้นชื่อที่วิเชียรบุรี ไปถึงเหมือนไปช่วยเขาเปิดร้านเลยครับ อาหารเพิ่งจะทำเสร็จมีแต่ไก่ย่าง ข้าวเหนียว และส้มตำ

image00002

แวะทานข้าวเช้าที่ นิวบัวตอง ไก่ย่างวิเชียรบุรี

เมื่อจัดแจงมื้อเช้ากันจนอิ่มก็ออกเดินทางต่อ โดยขอข้ามมาที่สวนหินผางามเลยนะครับ ตอนนี้เป็นเวลา 12.00 น. เรามาจัดการข้าวเที่ยงกันให้อิ่มก่อน แล้วก็ไปติดต่อไกด์นำเที่ยวเพื่อไปเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติกัน โดยแพลนของพวกผมก็คือขาไปจะเดินชมธรรมชาติความงดงามของป่าไม้และผาหิน ซึ่งเราจะได้เจอหินหน้าตาแปลกๆ โดยทางไกด์จะอธิบายให้เราฟังทุกจุดใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนขากลับจะนั่งรถแต๊กแต๊กกลับมาอีกทางใช้เวลา 15 นาที คนส่วนใหญ่เลยเลือกนั่งรถแต๊กแต๊กไปและกลับเพื่อไปดูไฮไลท์แค่จุดสุดท้ายของที่นี่คือ “คุณหมิงเมืองเลย” นั่นเองครับ เอาเป็นว่าถ้าใครมีเวลาก็ลองมาเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติกันนะครับ ผมจะยกจุดเด่นๆ ให้ดูกัน ที่เหลืออยากให้ทุกคนลองไปเดินชมกันเอง

image00008

ศูนย์บริการนำเที่ยว สวนหินผางาม

image00028

จุดจอดรถสวนหินผางาม บริเวณนี้เขาขึ้นป้ายให้มาถ่ายเซลฟี่ได้เลยครับ

image00009

เริ่มเส้นทางศึกษาธรรมชาติ สวนหินผางาม

image00010

หินไดโนเสาร์ จะเห็นหัวไดโนเสาร์อ้าปากอยู่

image00011

ทางเดินสีเขียวธรรมชาติ ตรงนี้อากาศเริ่มเย็น

image00014

อันนี้มีตาชั่งวางอยู่ “ช่าง(ชั่ง)เขา” กับ “ช่าง(ชั่ง)มัน” เป็นปริศนาธรรมครับ

image00017

ลักษณะการแต่งตัวมาเดินป่า ฮ่าๆ ที่จริงต้องแต่งให้ทะมัดทะแมงกว่านี้นะครับ แต่แต่งแบบนี้มาก็ไหว

image00020

ช่องสรีระ จุดนี้ต้องมุดนะคร้าบ

image00024

จุดสุดท้าย คุณหมิงเมืองเลย

มาถึงจุดท้ายแล้วเราจะพบกับผาหินสูงใหญ่หรือ “คุณหมิงเมืองเลย” ยิ่งช่วงบ่ายๆ แดดกำลังส่องไปตรงผาหินพอดี ทำให้เห็นรายละเอียดชัดเจนเพิ่มความอลังการขึ้นไปอีก บรรดาเซลฟี่ต่างผลัดเปลี่ยนกันถ่ายรูปไม่ขาดมือ เมื่อได้ภาพสมใจเราก็นั่งรถแต๊กแต๊กกลับกัน ที่ต่อไปก็คือ “ภูป่าเปาะ” เราจะได้ขึ้นไปชมภูเขาลูกใหญ่ ซึ่งเขาเปรียบว่าเป็น “ฟูจิเมืองเลย” การเดินทางให้ขับรถกลับมาจากสวนหินผางาม พอเจอแยกให้เลี้ยวขวาครับ สังเกตุจะมีป้ายบอกทางไป “ภูป่าเปาะ”  จากนั้นให้ไปจอดรถที่ศูนย์บริการนำเที่ยวของชุมชน แล้วติดต่อรถแต๊กแต๊กขึ้นภู ไม่สามารถนำรถยนต์ขึ้นไปได้เพราะเป็นทางลูกรังและลาดชันมาก

image00030

รถแต๊กแต๊กที่จะพาขึ้นภูป่าเปาะ ติดต่อศูนย์บริการนำเที่ยวของชุมชนได้เลยครับ

image00033

แวะจุดชมวิวจุดที่หนึ่ง ภูป่าเปาะ ฟูจิเมืองเลย

image00035

จุดชมวิวจุดที่สอง ภูป่าเปาะ ฟูจิเมืองเลย

จุดชมวิวที่สามเป็นจุดที่คนแวะพักเยอะมาก เพราะเราต้องเดินขึ้นเขาไปยังจุดชมวิวที่สี่ ประมาณ 200-300 เมตร ผมจึงขอข้ามไปยังจุดชมวิวที่สี่เลยล่ะกัน

image00037

สภาพทางเดินขึ้นยอดภูป่าเปาะ

image00039

จุดชมวิวที่สี่ จุดชมวิว 360 องศา

ด้านบนนี้อากาศเย็นใช้ได้เลยครับ วิวรอบๆ สามารถมองเห็นภูต่างๆ รวมถึงภูกระดึงด้วย หลังจากอิ่มเอมกับการถ่ายรูปบนยอดภูป่าเปาะเรียบร้อย ก็เดินลงไปขึ้นรถแต๊กแต๊กกลับไปยังศูนย์บริการนำเที่ยวของชุมชน แต่เวลายังเหลือก็เลยขับรถย้อนไปแวะที่น้ำตกเพียงดิน ซึ่งเป็นน้ำตกที่อยู่ติดถนน สามารถเดินเข้าไปชมได้อย่างสะดวก และช่วงนี้น้ำกำลังเยอะ จึงได้เห็นน้ำตกไหลมาเป็นสายสวยงามจริงๆ

image00041

น้ำตกเพียงดิน

น้ำตกเล็กๆ สวยงามมาก อยู่ติดถนนไร้ผู้คน ที่นี่เลยกลายเป็นที่ของพวกผมชั่วระยะเวลานึง ฟ้าเริ่มมืดแล้วรีบไปเช็คอินที่โรงแรมกันดีกว่าครับ

image00049

โรงแรมเลยพาเลซ

image00050

บริเวณล๊อบบี้ โรงแรมเลยพาเลซ

image00044

ภายในห้อง โรงแรมเลยพาเลซ

image00046

ถนนคนเดินเพลินภู จ.เลย

ถนนคนเดินเพลินภู

โรงแรมนี้อยู่ใจกลางเมือง มีอาหารเช้าให้ ราคาไม่แพง และยังมีโปรโมชั่นให้บ่อยๆ บริเวณใกล้เคียงโรงแรมมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ หรือจะให้พูดว่าโรงแรมอยู่กลางสวนสาธารณะเลยก็ได้ครับ ตอนกลางคืนบริเวณอีกฟากของโรงแรมจะมีถนนคนเดินให้ได้ช้อปปิ้งด้วยนะครับ ชื่อว่า “ถนนคนเดินเพลินภู” มีทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 17.00-23.00 น. ขาช้อปปิ้งอย่าพลาดนะครับ เสร็จแล้วก็กลับมาพักผ่อนนอนหลับเป็นตายเลย เช้าวันใหม่มาถึง วันนี้ทุกคนจะได้ชิลกันเต็มที่ โดยเราจะไปว่ายน้ำ และเดินถ่ายรูปบริเวณโรงแรมกันครับ ไม่เร่งรีบอีกแล้ว

image00058

สระว่ายน้ำ โรงแรมเลยพาเลซ มีจากุซซี่ และสระเด็กด้วย

image00057

สะพานแขวน ใกล้ๆ โรงแรมเลยพาเลซ

เมื่อเดินเล่นกันจนพอสมควร เราก็ไปทานอาหารเช้ากันที่ห้องอาหารโบตั๋น ที่นี่มีอาหารเช้าไม่เยอะมาก แต่มีให้เลือกหลากหลาย เรียกว่าครบทุกความต้องการ อาหารอร่อยถูกปากดีทีเดียว

สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจมาพักที่โรงแรมเลยพาเลซ สามารถเข้าตามลิงค์นี้ได้เลยครับ https://www.traveloka.com/th-th/hotel/thailand/loei-palace-hotel-1000000362300 ที่ Traveloka จะมีโปรโมชั่นส่วนลดโรงแรมให้บ่อยมาก ใครที่ไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์เพย์เมนต์ได้ และราคาที่แสดงก็เป็นราคาสุทธิทำให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายแอบแฝงอีกด้วย

image00056

ห้องอาหารโบตั๋น โรงแรมเลยพาเลซ

image00055

ห้องอาหารโบตั๋น โรงแรมเลยพาเลซ

image00053

ห้องอาหารโบตั๋น โรงแรมเลยพาเลซ

ทานอาหารเช้าเรียบร้อย ก็เช็คเอาท์แล้วขับรถกันไปเชียงคาน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถนนรถไม่เยอะ วิวสองข้างทางสวยงามจริงๆ ที่แรกที่เราจะไปคือ “แก่งคุ้ดคู้” ลักษณะเป็นแก่งหินใหญ่ขวางลำน้ำโขง ทำให้เกิดการคุดคู้ไปมา ที่นี่ยังมีตำนานการเกิดแก่งคุดคู้โดยมีนายพรานจึ่งขึ่งดั้งแดงขนหินมาขวางแม่น้ำ และสุดท้ายโดนสามเณรปราบจนนอนตายคุดคู้กลายเป็นแก่งคุดคู้นั่นเอง

image00060

แก่งคุดคู้ อ.เชียงคาน

image00061

นายพรานจึ่งขึ่งดั้งแดง เป็นตำนานเล่าขานของการเกิดแก่งคุดคู้

image00070

จุดนั่งเรือชมวิวลำน้ำโขง แก่งคุดคู้ อ.เชียงคาน

image00067

ฝั่งประเทศลาว

จากนั้นเราก็ไปที่วัดพระพุทธบาทภูควายเงินกันต่อครับ วัดนี้เป็นวัดที่มีความเชื่อว่าคนมีบุญวาสนาจริงๆ เท่านั้นที่จะมาถึงวัดแห่งนี้ได้ ส่วนคนที่บุญวาสนาไม่ถึงก็จะเจออุปสรรคต่างๆ ทำให้มาไม่ถึง แต่ปัจจุบันทางทำดีขึ้น สามารถขับรถยนต์ขึ้นเขามาได้เลย ด้วยอานิสงส์นี้ทำให้พวกผมกลายเป็นคนมีบุญวาสนาไปในทันที

image00073

วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน อ.เชียงคาน

image00077

ควายเงิน วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน อ.เชียงคาน

image00072

กระต่ายเต็มไปหมด เราสามารถเข้าไปให้อาหารได้อย่างใกล้ชิด

image00079

พระพุทธบาท วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน อ.เชียงคาน

เมื่อเรียบร้อยก็เหลือที่สุดท้ายคือ “ภูพระใหญ่” เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธนวมินทรมงคลลีลาทวินคราภิรักษ์ เป็นพระพุทธรูปปางลีลาประทานพร สูง 19 เมตร ฐานกว้าง 7.2 เมตร อยู่บริเวณยอดภูคกงิ้วซึ่งเป็นผืนดินแห่งแรกของทางภาคอีสานที่มีแม่น้ำโขงไหลผ่าน ด้านบนมีทิวทัศน์งดงามมาก การขับรถขึ้นมาต้องชำนาญในการขับขึ้นเขาพอสมควรเลยนะครับ

image00083

พระพุทธนวมินทรมงคลลีลาทวินคราภิรักษ์ ภูพระใหญ่

image00082

จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก ภูพระใหญ่

เรียบร้อยทั้งหมดก็ตรงดิ่งไปยังที่พักกันดีกว่า พวกผมจองที่พักบ้านภัทราวดีซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำโขง สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำจากห้องนอนหรือที่ระเบียง ตัวที่พักอยู่ตรงข้ามกับวัดศรีคุณเมืองสามารถจอดรถภายในวัดได้ฟรี และบริเวณหน้าที่พักคือถนนคนเดิน เรียกว่าครบลงตัวจริงๆ

image00087

บ้านภัทราวดี ที่พักติดริมโขง

image00084

บ้านภัทราวดี เชียงคาน

image00085

วิวจากห้องพัก บ้านภัทราวดี ยามพระอาทิตย์ตก

เมื่อเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยก็ออกไปเดินถนนคนเดินกันครับ อย่างที่บอกช่วงนี้เป็นช่วงหยุดยาว คนเยอะมากๆๆ ที่พักริมแม่น้ำโขงแขวนป้ายว่าเต็มทุกที่ไม่เหลือเลย พวกผมต้องไหลกันไปเรื่อยๆ แวะดูของกันตลอด อยากได้อะไรแวะ อยากกินอะไรซื้อ

image00089

คนเยอะมาก ถนนคนเดินเชียงคาน

image00090

ของอร่อยทั้งนั้นเลย เชียงคาน

เชียงคาน ดราม่า

image00107

บ้านชานเคียง ที่เชียงคาน

image00109

ตู้เอทีเอ็ม ธ.ก.ส. ยังออกแบบให้เข้ากับเชียงคาน

เดินไปจนสุดทางก็นั่งชิลรับลมเย็นสักพักแล้วก็เดินย้อนกลับ คนเริ่มน้อยลงน่าจะเข้าที่พักกันไปหมดแล้ว ความเงียบและความมืดมาเยือนเรื่อยๆ กลับมาสงบได้อีกวันแล้วนะเชียงคาน พวกผมรีบเข้านอนเพราะมีนัดตักบาตรข้าวเหนียวในตอนเช้า

image00114

ชุดตักบาตรข้าวเหนียว

image00115

ใส่บาตรข้าวเหนียว

ผมรอจนกระทั่งพระบิณฑบาตประมาณ 6.20 น. จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับว่าฟ้าจะสว่างช้าหรือเร็วแค่ไหน เราจะได้เสียงระฆังดังเป็นสัญญาณของการเริ่มบิณฑบาต พวกผมอยู่หน้าวัดเลยได้ตักบาตรข้าวเหนียวเป็นกลุ่มแรก เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็ขับรถกันไปที่ภูทอก เพื่อจะขึ้นไปจุดชมวิว ที่จริงแล้วต้องมาถึงที่นี่ประมาณ 5.30 น. เพื่อให้ทันหมอกตอนเช้า และการขึ้นไปบนภูจะต้องนั่งรถกระบะขึ้นไปอีกคนละ 25 บาท ใช้เวลาประมาณ 15 นาที พวกผมเลยได้ขึ้นมาถึงยอดภูตอน 8.00 น. หมอกนะเหรอมีเหลืออยู่แค่กระจุกเดียว ฮ่าๆ

image00116

จุดชมวิว ภูทอก วิวสวยมากเลยครับ แต่ไร้หมอก

image00120

เบิ่งเมืองเชียงคาน ได้ชัดเชียวล่ะ

หงอยกันไปตามๆ กัน ทะเลหมอกไม่มีนะวันนี้ รีบกลับที่พักดีกว่า เรามีแพลนจะไปปั่นจักรยานเลียบแม่น้ำโขงต่อ ที่พักมีจักรยานไว้ให้ปั่นฟรี มีเหลืออยู่ 4 คัน แต่ละคันอาจจะมีอาการไม่สมประกอบบ้าง แต่ก็สามารถนำมาขี่ได้อย่างปลอดภัย เอาล่ะ.. ไปลุยกันเล้ยยย

image00129

ปั่นจักรยานเล่นริมแม่น้ำโขง เชียงคาน

image00131

ปั่นจักรยานเล่นริมแม่น้ำโขง เชียงคาน

image00127

แวะไปซื้อของที่ เซเว่น อีเลฟเว่น สักหน่อย

จากนั้นก็เช็คเอาท์ที่พักบ้านภัทราวดี แล้วขับรถไปยังห้วยกระทิงกันต่อครับ เราจะเจอจุดชมวิวห้วยกระทิงเป็นจุดแรก จากจุดนี้จะมองเห็นบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยกระทิงในมุมสูง อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิงมีอีกชื่อว่า อ่างเก็บน้ำหมานตอนบน อยู่ในพื้นที่การดูแลของอุทยานแห่งชาติหริรักษ์ มีความจุ 26 ล้านลูกบาศก์เมตร กิจกรรมที่พลาดไม่ได้ของที่นี่ก็คือการล่องแพพักผ่อน พร้อมทานอาหารท่ามกลางอ่างเก็บน้ำ ที่มีวิวทิวทัศน์อันสวยงามโอบล้อมเอาไว้ โดยแพจะถูกลากเอาไปปล่อยไว้กลางห้วยให้ลอยไปมา พอถึงเวลาก็จะถูกลากกลับ สามารถเช่าเสื้อชูชีพลงเล่นน้ำได้ด้วยครับ

image00135

ล่องแพห้วยกระทิง

เมื่อชมวิวเสร็จแล้ว ก็ให้ขับรถไปต่ออีกนิดนึง จะเจอทางเข้าไปยังแพต่างๆ พวกผมเลือกแพแรกกันครับ ชื่อว่า “แพเจ้าขุนทอง” ไปถึงก็สั่งอาหารกันให้เต็มที่ แล้วเข้าห้องน้ำกันให้เรียบร้อย นัดแนะกับคุณลุงเจ้าของแพว่าให้ลากไปปล่อยกลางห้วยสัก 1-2 ชั่วโมง แล้วกลับมารับด้วย อ่า… ฟิน

image00138

ล่องแพห้วยกระทิง

image00137

เป็นมื้อที่อร่อยทั้งรสชาติอาหาร และอร่อยทั้งบรรยากาศ

เมื่อกินข้าวกันอิ่มเรียบร้อย ต่างคนต่างก็หลับเอาแรง ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเที่ยงตรงแต่อากาศกลางห้วยนี่ช่างเย็นเหลือเกิน ลมพัดเอื่อยๆ พาให้แพลอยไปลอยมา อีกสักพักก็ต้องขับรถยิงยาวกลับ กทม. แล้วสินะ ดังนั้นจงเก็บเกี่ยวความสุขนี้ไว้ให้มากที่สุดล่ะกัน เจอกันใหม่ทริปหน้า แล้วแพ็คกระเป๋าไปเที่ยวด้วยกันนะคร้าบ

ค่าใช้จ่าย

  • โรงแรมเลยพาเลซ 2 ห้อง 1 คืน รวมอาหารเช้า ทั้งหมด 2,084 บาท ตกคนละ 521 บาท
  • ที่พักบ้านภัทราวดี 2 ห้อง 1 คืน ทั้งหมด 1,600 บาท ตกคนละ 400 บาท
  • ค่าไกด์สวนหินผางาม 25 บาท/คน
  • รถแต๊กแต๊กสวนหินผางาม ขากลับ 15 บาท/คน
  • รถแต๊กแต๊กฟูจิ ไปกลับ 60 บาท/คน
  • ล่องเรือแม่น้ำโขง แก่งคุดคู้ 40 บาท/คน
  • ตักบาตรข้าวเหนียว 60 บาท/คน
  • รถกระบะขึ้นภูทอก 25 บาท/คน
  • ค่าลากแพ ห้วยกระทิง ทั้งหมด 300 บาท ตกคนละ 75 บาท
  • ค่าที่จอดรถยนต์ ภูทอก 20 บาท ตกคนละ 5 บาท
  • ค่าที่จอดรถยนต์ แก่งคุ้ดคู้ 10 บาท ตกคนละ 3 บาท
  • ค่าน้ำมันทั้งหมด 2,140 บาท ตกคนละ 535 บาท
  • ค่าอาหาร 7 มื้อ ทั้งหมด 3,240 บาท ตกคนละ 810 บาท

รวมทั้งหมด 2,574 บาท/คน

อัลบั้มรูป

Facebook Comments

You may also like...

4 Shares
Share4
Tweet
Pin