เวียดนามใต้ในวันปีใหม่ ตอนที่ 3 – มุยเน่ ทะเลก็ได้ ทะเลทรายก็ดี

ในที่สุดเช้าวันใหม่ก็มาถึง ต้องอำลาเมืองดาลัดซะแล้ว พวกผมรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปหาอะไรกินรองท้อง กลับมาก็เช็คเอาท์แล้วนั่งรอต่อที่ล็อบบี้จนเวลา 8.00 น. รถบัสคันใหญ่ก็มารับไปยังเมืองมุยเน่ เห็นรถบัสแล้วก็สบายใจเพราะฟังมาว่ามีหลายคนโดนพาไปกับรถตู้คันเล็ก เก่า แถมแอร์ไม่เย็น

รถบัสคันใหญ่ ที่พาผมมามุยเน่

ทางไปมุยเน่นั้นมีแต่เหว เดี๋ยวโค้งขึ้นเขาลงเขา ชวนให้อยากอาเจียน แต่วิวสองข้างทางก็สวยมากจริงๆ ที่นั่งนั่งสบาย แอร์เย็นฉ่ำ ใครทนเวียนหัวไม่ได้ก็หลับยาวไปได้เลย ระหว่างทางรถบัสจะแวะที่จุดพักรถให้เราเข้าห้องน้ำ และซื้อของกิน จนกระทั่งเวลา 11.30 น. เราก็มาถึงมุยเน่ ถือว่าทำเวลาได้ดี เปิดดูพิกัดที่พักก็อยู่ไม่ไกล เดินไปประมาณ 200 เมตร โรงแรมนี้ชื่อว่าโรงแรมมินห์ฮงเปิดเป็นร้านขายแว่นตาที่ชั้นล่าง ตอนแรกกะขอแค่ฝากกระเป๋าไว้ก่อนเพราะยังไม่ถึงเวลาเช็คอินแต่เผอิญห้องว่างก็เลยได้เช็คอินก่อนเวลา

โยนกระเป๋าไว้ที่ห้องเรียบร้อยก็ลงไปหาซื้อทัวร์มุยเน่ครึ่งวัน อ่ะ..ลองถามที่โรงแรมก่อนว่าทัวร์ครึ่งวันนี่เท่าไหร่ ปรากฏว่าต่อราคาได้ที่ 130,000 VND ก็เลยตัดสินใจจอง เพราะรถจะได้มารับเราที่โรงแรมนี้เลย นัดแนะเวลาตอน 13.00 น. จากนั้นก็เดินหารถบัสนอนเพื่อไปโฮจิมินห์ ไล่หาทุกร้านก็เจอแต่ราคาแพงมาก 300,000 VND บอกว่าเป็นราคาช่วงปีใหม่ นี่กะฟันนักท่องเที่ยวหัวแบะเลยสินะ (ราคาปกติอยู่ที่ 130,000 VND) เฮ้อ… ก็ตัดใจไม่เอา คิดวนไปวนมาว่าจะเอายังไงดี ข้าวกลางวันก็ยังไม่ได้กินเลย แล้วไหนจะต้องไปทัวร์ครึ่งวันอีกกลับมาก็มืดแล้ว นี่เราจะหารถกลับโฮจิมินห์ได้ไหมเนี่ย สักพักเพื่อนก็นึกชื่อรีสอร์ทนึงขึ้นมาได้ ผมรีบเปิดพิกัด Google Map หาแล้วก็ไม่เจอ เจอแต่ชื่อใกล้เคียงคือ Muine Backpacker Village อยู่ไม่ไกลด้วย เอาล่ะ…ไปลองดูที่นี่เป็นที่สุดท้าย ตรงดิ่งเข้าไปถามราคารถบัสไปโฮจิมินห์ ตอนนั้นเหมือนได้ยินเสียงสวรรค์ว่าราคาช่วงปีใหม่อยู่ที่ 180,000 VND พวกผมถึงกับอึ้งและย้ำให้เขียนราคาใส่กระดาษว่าใช่ 180,000 VND จริงไหม ฮ่าๆๆ ไวปานฟ้าแล่บก็ได้ตั๋วมาครองเรียบร้อย สบายใจแล้วจะได้ทานอะไรลงเสียที จากนั้นก็รีบหาข้าวกลางวันกันต่อ

ร้านอาหารริมทะเล Lam Thong

ข้าวผัดกุ้ง

จากที่ถามๆ มาเห็นหลายคนบอกว่าร้านอาหาร Lam Thong ราคาไม่แพง สดและอร่อย พวกผมก็เลยมาลองดูสถานที่ก่อนมาจัดเต็มคืนนี้ ก็ได้ข้าวผัดมาคนละจาน ปรากฏว่าไม่ได้หวือหวาเหมือนกันที่คนอื่นบอกเลย ข้าวผัดก็รู้สึกแข็งไป ประเมินแล้วรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า แล้วอาหารทะเลที่จะมาจัดเต็มคืนนี้จะโอเคไหมเนี่ย กินข้าวเสร็จยังพอมีเวลาเหลือ ก็เลยเดินถามราคาตามร้านอาหารต่างๆ ว่าลอบสเตอร์กิโลละเท่าไหร่ ปรากฏว่าแถวนี้ขายกิโลละ 800,000 – 1,200,000 VND พวกผมได้แต่มองหน้ากัน คือถ้ากินนี่จนแน่ๆ กลับห้องไปตั้งหลักก่อน อย่างน้อยก็ได้เช็คราคาแล้ว คืนนี้ค่อยว่ากัน

รถจิ๊บมารับที่โรงแรม เวลา 13.30 น. ก่อนอื่นเรามาดูโปรแกรมทัวร์ครึ่งวันมุยเน่กันดีกว่า ว่ามีอะไรบ้าง

  1. แฟรี่สตรีม (Fairy Stream)
  2. หมู่บ้านชาวประมง (Fishing Village)
  3. ทะเลทรายขาว (White Sand Dunes)
  4. ทะเลทรายแดง (Red Sand Dunes)

ตอนแรกก็ดีใจที่ได้นั่งรถจิ๊บแต่ความร้อนทำให้พวกผมไม่สบายตัวยังโชคดีอยู่บ้างที่ได้รถจิ๊บมีหลังคา จนมาทราบทีหลังว่ารถจิ๊บแค่มารับเราไปส่งที่แฟรี่สตรีม แล้วเราจะต้องนั่งรถตู้ติดแอร์ไปเที่ยวอีก 3 ที่ที่เหลือ เดชะบุญรอดแล้วพวกเรา

แฟรี่สตรีม (Fairy Stream)

ที่นี่ถูกยกให้เป็นแกรนด์แคนยอนของเวียดนาม เนื่องจากการกัดเซาะของน้ำและลมจนมีรูปร่างและสีสันที่สวยงาม โดยเราต้องเดินลุยไปตามลำธารที่มีน้ำสูงระดับข้อเท้า หรือจะปีนขึ้นไปด้านบนเพื่อชมวิวจากมุมสูงก็ได้

แฟรี่สตรีม (Fairy Stream)

แฟรี่สตรีม (Fairy Stream)

แฟรี่สตรีม (Fairy Stream)

หมู่บ้านชาวประมง (Fishing Village)

จุดจอดพักเรือของชาวประมง ซึ่งเราจะได้เห็นเรือประมงเต็มไปหมด ไฮไลท์คือเรือกระด้งรูปทรงกลมซึ่งเป็นเรือพื้นบ้านของเวียดนาม และห้ามพลาดกับลอบสเตอร์ราคาไม่แพงของที่นี่เด็ดขาด เพราะพวกผมได้เข้าไปสอบถามราคาว่าลอบสเตอร์ราคาเท่าไหร่ ปรากฏว่าราคากิโลกรัมละ 400,000 VND พวกผมแทบจะกรีดร้องเพราะมันถูกกว่าที่ตัวเมืองมุยเน่มากๆ จากนั้นก็รีบถามราคาเมนูต่างๆ และไม่ลืมขอนามบัตรไว้ด้วย พร้อมกำชับว่าคืนนี้เราจะมาดินเนอร์ที่ร้านคุณ ฮ่าๆ ว่าแล้วก็ไปเที่ยวตามโปรแกรมทัวร์กันต่อ

หมู่บ้านชาวประมง (Fishing Village)

หมู่บ้านชาวประมง (Fishing Village)

ทะเลทรายขาว (White Sand Dunes)

ทะเลทรายสีขาวกว้างสุดลูกหูลูกตา เหมาะกับการถ่ายรูปเก็บไว้ในความทรงจำ ใครที่ไม่อยากเดินไปจุดชมวิวแต่ละจุดก็สามารถเช่ารถ ATV หรือรถจิ๊บก็ได้ครับ

ทะเลทรายขาว (White Sand Dunes)

ทะเลทรายขาว (White Sand Dunes)

ทะเลทรายแดง (Red Sand Dunes)

ทะเลทรายสีแดงเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามแห่งนึง เมื่ออยู่บนเนินทรายแล้วเราจะได้เห็นวิวทะเลด้วย อย่าลืมไปเช่าแผ่นพลาสติกเพื่อสไลด์เล่นกันด้วยนะ

ทะเลทรายแดง (Red Sand Dunes)

ทะเลทรายแดง (Red Sand Dunes)

จบทัวร์อย่างแฮปปี้เอนดิ้ง สนุกมากจริงๆ จากนั้นคนขับรถตู้ก็พาพวกผมตรงดิ่งกลับไปส่งที่โรงแรมมินห์ฮง แต่ผมไม่ยังไม่เข้าโรงแรมหรอก เพราะเรามีจุดหมายใหม่แล้ว ว่าแล้วก็รีบเรียกแท๊กซี่ Mai Linh คันสีเขียวพร้อมกับยื่นนามบัตรร้านอาหารที่ได้มาจากหมู่บ้านชาวประมง ไม่ถึง 20 นาที พวกผมก็ถึงร้านเป้าหมาย ดูจากมิเตอร์ระยะทางแค่ 7.1 กิโลเมตร ถือว่าไม่ไกล จ่ายค่ารถแท็กซี่ไป 75,000 VND เอาล่ะ.. เรามาจัดหนักกันเลยคร้าบ

ดินเนอร์ อาหารทะเล

ดินเนอร์ อาหารทะเล

ดินเนอร์ อาหารทะเล

มาดูกันครับว่าพวกเราสั่งอะไรกันไปบ้าง

  • ลอบสเตอร์ (ตาย) 1 กิโลกรัม ราคา 400,000 VND
  • ลอบสเตอร์ (เป็น) 0.5 กิโลกรัม ราคา 300,000 VND
  • ปูก้ามหัก 0.95 กิโลกรัม ราคา 380,000 VND
  • หอยชักตีน 0.5 กิโลกรัม ราคา 75,000 VND
  • หมึกไข่ 0.7 กิโลกรัม ราคา 175,000 VND

ราคารวมทั้งหมด 1,333,000 VND ตกเป็นเงินไทย 2,128 บาท หารกันแล้วเหลือคนละ 710 บาท ถูกเหลือเชื่อจริงๆ ลอบสเตอร์(เป็น) เนื้อจะเหนียวกว่าลอบสเตอร์(ตาย) นอกนั้นรสชาติเหมือนบ้านเราแต่ราคาถูกกว่ามาก ถ้าจะทานอาหารทะเลให้อร่อยอย่าลืมพกน้ำจิ้มซีฟู้ดบ้านเราไปด้วยนะครับ น้ำจิ้มซีฟู้ดของเวียดนามที่เป็นผงชูรสกับมะนาวเทียบไม่ติดเลย

น้ำจิ้มซีฟู้ดตัวช่วยเพิ่มความอร่อยของพวกเรา

มื้อนี้ิอิ่มอร่อย เพียงคนละ 710 บาท

เมื่ออิ่มท้องเรียบร้อยก็รีบนั่งแท็กซี่กลับโรงแรม แพ็คกระเป๋า อาบน้ำ และพักผ่อน เพราะอีก 4 ชั่วโมง เราจะต้องเดินทางไปโฮจิมินห์ต่อ พวกผมหลับเป็นตายจนนาฬิกาปลุกตอนเที่ยงคืน ก็ทยอยล้างหน้าล้างตาแล้วเช็คเอาท์ เดินแบกกระเป๋าไปยังรีสอร์ท Muine Backpacker Village ใจก็ตุ้มๆ ต่อมๆ ว่าจะมีปัญหาอะไรอีกไหมเพราะที่ที่เรารอไม่มีใครอยู่เลย และใครก็ไม่รู้มาบอกว่ารถบัสออกไปแล้วให้ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์เขาตามไป พวกผมดูเวลาแล้วมันยังไม่ตี 1 ซึ่งเป็นเวลาทีบอกในตั๋วก็เลยตัดสินใจไม่เชื่อ จนในที่สุดก็เจอคนที่ติดต่อกับเจ้าหน้าที่โรงแรมได้ คุยกันได้ความว่าเดี๋ยวจะมีคนมารับให้พวกผมรอที่นี่แหละ เฮ้อ.. รอดไป แล้วเมื่อกี้ล่ะใคร???

รถบัสนอนไปโฮจิมินห์

รอสักพักก็ปรากฏว่า มีมอเตอร์ไซต์มาบีบแตรหน้ารีสอร์ท ถามเจ้าหน้าที่โรงแรมก็บอกว่านี่แหละที่จะพาไปส่งรถบัสให้ซ้อนไปได้เลย ฮ่าๆ คือผมต้องขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปจริงๆ สินะ ทำเราตกใจหมดเลย ไปถึงรถบัสก็ได้ถุงดำเอามาใส่รองเท้าเหมือนเดิม ผมนี่ไม่ไหวแล้วรีบขึ้นไปหาที่นอนทันที บ้ายบายนะ มุยเน่

ติดตามตอนที่ 4 ต่อที่นี่ ได้เลยครับ
เวียดนามใต้ในวันปีใหม่ ตอนที่ 4 – โฮจิมินห์ ไซง่อน

อัลบั้มรูป

Facebook Comments

You may also like...

1 Shares
Share1
Tweet
Pin