เกาะแสมสาร สัตหีบ พัทยา ในวันฟ้าใสทะเลสวย
ถ้าพูดถึงทะเลที่ใกล้กรุงเทพฯ ที่สุด ก็จะต้องมีพัทยาเป็นหนึ่งในตัวเลือกแน่นอน ผมก็เหมือนกันคิดอะไรไม่ออกก็มาพัทยาเนี่ยแหละ อยากดำน้ำ อยากสัมผัสทะเล อยากเจอไอแดด ก็เลยได้ตัวเลือกว่าจะไปเกาะแสมสาร อยู่ในอำเภอสัตหีบซึ่งเลยพัทยาไปหน่อยเดียว ตัวเกาะแสมสารเป็นเมืองชายทะเลที่อยู่ในความดูแลของทหาร แน่นอนเราต้องเข้าไปในที่ทหาร การเดินทางก็ไม่ยาก จะขับรถมา นั่งรถบัส หรือจะรถตู้ก็ได้ ที่สำคัญราคาเรือข้ามไปเกาะไม่แพงด้วยครับ ส่วนเรื่องที่พักผมทันได้จองโปรโมชั่น 1Free1 ซึ่งก็คือ พัก 1 คืน ได้ฟรีอีก 1 คืน ที่โรงแรมอมารี เรสซิเดนซ์ พัทยา ซึ่งเป็นโรงแรมน้องใหม่เพิ่งเปิดกันสดๆ ร้อนๆ เลยทีเดียว
หรือจะหาโรงแรมโปรโมชั่นดีๆ ที่พัทยา จาก Traveloka ก็ได้ครับ ด้วยระบบการจองโรงแรมที่ง่าย สามารถโอนเงินผ่านธนาคารได้ ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ยิ่งถ้าเราติดตามเว็บไซต์หรือเฟสบุ๊คก็จะยิ่งทำให้เราทราบถึงส่วนลด และโปรโมชั่นต่างๆ ได้ก่อนใคร และบางครั้งลดสูงสุดถึง 70% ด้วยครับ เพื่อนๆ ลองเข้าไปดูที่ Traveloka และจองที่พักพัทยากันได้ที่นี่เลย >> https://www.traveloka.com/th-th/hotel/thailand/city/pattaya-10000061
แพลนทริป
วันที่ 1 เกาะแสมสาร / ดำน้ำหาดลูกลม / เรือหลวงจักรีนฤเบศร / ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล
วันที่ 2 ปราสาทสัจธรรม / เมืองจำลอง มินิสยาม / มิโมซ่า / พัทยาดอลฟิน เวิร์ล
วันที่ 3 วิหารเซียน / เขาชีจรรย์ / กลับกรุงเทพฯ
ออกเดินทาง 7.00 น. ถึงท่าเรือเขาหมาจอ 9.45 น. ซื้อตั๋วโดยสารที่อาคารต้อนรับคนละ 300 บาท รอบเรือขาไปและขากลับ มีดังนี้
- ขาไป 9.30, 11.00, 13.00 น.
- ขากลับ 11:30, 13:30, 16:30 น.
ซึ่งหมายความว่า เราสามารถไปที่เกาะแสมสารได้เช้าสุดเวลา 9.30 น. และกลับได้ช้าที่สุดคือ 16.30 น. บนเกาะมีกิจกรรมหลายอย่างให้ทำ เอาเป็นว่าเดี๋ยวไปชมพร้อมๆ กับผมเลย ตอนนี้มานั่งรอเรือออกตอนเวลา 11.00 น. เป็นเพื่อนผมกันก่อนดีกว่า มีเวลาเหลือเฟือตั้ง 1 ชั่วโมง จะทำอะไรดีนะ เจ้าหน้าที่ก็ใจดี แนะนำให้ผมลองเดินขึ้นไปชมวิวด้านบน ให้ไปทางศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแล้วจะเห็นป้ายบอกทางขึ้นจุดชมวิวเรื่อยๆ ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาที แล้วผมก็ต้องตะลึงเพราะว่ามันสวยจริงๆ ครับ นี่ยังไม่ได้ข้ามไปที่เกาะแสมสารยังสวยขนาดนี้
ยืนชมสักพักก็เดินลงมา พอดีๆ เลย ใกล้จะได้เวลาแล้ว เดินไปรอที่ท่าเรือกันดีกว่า ลงมาจากจุดชมวิวแล้วให้เดินไปทางขวาต่อได้เลยครับ หรือถ้าใครที่คิดว่าจะอยู่ที่เกาะนานๆ ก็สามารถสั่งข้าวกล่องที่ร้านอาหารไปทานได้เลย ราคาไม่แพงและยังอร่อยด้วย หรือจะไปหาซื้อบนเกาะก็ได้ แต่จะมีแค่ส้มตำ ไก่ย่าง และข้าวเหนียวให้พอแก้หิวนะครับ เรือใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ก็มาถึงเกาะแสมสารครับ
ก้าวขามาที่ท้ายเรือ เห็นแล้วตะลึงมากๆ ครับ เพราะมันสวยมาก ฟ้าใสทะเลสวย หาดทรายขาว โอ้โห.. ไม่น่าเชื่อว่าเราจะได้เจออะไรแบบนี้กับการขับรถจากกรุงเทพฯ มาแค่ 3 ชม. นี่อยากรีบวิ่งลงทะเลไปแหวกว่ายน้ำใสๆ ซะแล้วสิครับ
ไปถึงก็จะมีเจ้าหน้าที่ทหารมาบรรยายให้ฟังว่าเกาะแสมสารมีอะไรบ้าง สามารถทำกิจกรรมอะไรได้ หาดมี 2 หาด โดยหาดที่เรือมาจอดเทียบส่งพวกผมเมื่อกี้คือ “หาดเทียน” ซึ่งไม่ได้เปิดให้ดำน้ำ โดยหาดที่เปิดให้ดำน้ำได้ คือ “หาดลูกลม” ซึ่งอยู่อีกฟาก สามารถนั่งรถฟรีไปได้ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
เมื่อมาถึงหาดลูกลมก็ไม่ต้องบรรยายความสวยงามให้มากความ เอาล่ะ ไปดูกิจกรรมและค่าใช้จ่าย กันบ้าง
- ดำน้ำตื้น 50 บาท/คน/รอบละ 1 ชม.
- นั่งเรือท้องกระจกชมปะการัง 60 บาท/ชม.
- พายเรือคายัค 60 บาท/ชม.
- เสื่อ 20 บาท/ไม่จำกัดเวลา
- เตียงผ้าใบ 20 บาท/ไม่จำกัดเวลา
ผมเลือกที่จะดำน้ำตื้น ก็เดินไปลงชื่อจ่ายเงิน 50 บาท และรอเรียกให้ไปรับอุปกรณ์ ได้แก่ เสื้อชูชีพ กับหน้ากากดำน้ำตื้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้ไปซ้อมดำน้ำตื้นที่บริเวณใกล้ๆ หาด ส่วนใครที่เคยดำน้ำตื้นมาแล้วก็เตรียมขึ้นเรือโล้ด เรือจะไปปล่อยที่ทุ่นกลางทะเลไม่ไกลมาก ใต้น้ำส่วนใหญ่เจอแต่ปลาเสือเยอะพอสมควร เมื่อพอใจแล้วก็นั่งเรือกลับมาที่เกาะ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำอะไรเรียบร้อยก็เผอิญไปเห็นคนเดินกันขึ้นไปบนยอดเขา เฮ้ย.. มันขึ้นได้นี่นา ว่าแล้วก็คว้ากล้องแล้วก็เดินขึ้นไปทันที มันสวยมากๆๆ
อิ่มเอมกับบรรยากาศ ก็ลงมากินข้าวกล่องที่ซื้อไว้แล้วขึ้นเรือรอบ 13.00 น. กลับพอดี คนเริ่มทยอยมาเรื่อยๆ มีความสุขจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่ายังมีทะเลใส หาดทรายสวย และสามารถมาเที่ยวที่เกาะได้ในราคา 300 บาท ประทับใจจริงๆ มาถึงท่าเรือเขาหมาจอ ก็จัดการเคลียร์ขยะที่เอาไปกินบนเกาะให้เรียบร้อย และไหนๆ ก็มาถึงสัตหีบแล้ว แวะไปชมเรือหลวงจักรีนฤเบศรกันต่อเลยครับ อยู่ในพื้นที่ทหารนี่แหละ ไม่ได้ไกลเลย
ที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชมนะครับ แค่ยื่นบัตรประชาชนให้ก็เรียบร้อย เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 9.00 – 17.00 น. ภายในเรือรบถือเป็นสถานที่ราชการ ดังนั้นต้องแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยด้วยนะครับ เอาล่ะ… ที่ต่อไปก็คือศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ก็ยังอยู่ภายในพื้นที่ทหารเช่นกันครับ เรียกว่ามาสัตหีบทีเดียวเอาให้คุ้ม
ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่ 8.30 – 17.00 น. เต่าทะเลทั่วโลกมีทั้งหมด 9 สายพันธุ์ และที่ประเทศไทยมีทั้งหมด 5 สายพันธุ์ ได้แก่ เต่าตนุ เต่ากระ เต่าหญ้า เต่ามะเฟือง และเต่าหัวค้อน โดยเต่าที่ผมเห็นที่ศูนย์อนุรักษ์มี 3 สายพันธุ์ คือ เต่าตนุ เต่ากระ และเต่าหญ้า ลองเข้าไปชมกันนะครับ
เมื่อเที่ยวเรียบร้อยแล้วก็ขับรถไปยังที่พักของเราวันนี้ โรงแรมอมารี เรสซิเดนซ์ พัทยา ห้องใหม่มาก สวยและดูดีทีเดียว ทำเลนี้เงียบสงบ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความพลุกพล่าน ทางโรงแรมอัพเกรดห้องให้ผมเป็น One Bedroom Ocean Suite ด้วยครับ ชมรูปกันไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปนอนพักสักแป๊บ เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามาเที่ยวกันต่อ
นอนสบายหลับเต็มอิ่มเลยครับ จากนั้นก็ไปรับประทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ เมื่ออิ่มแล้วเราก็ไปเที่ยวกันต่อที่ปราสาทสัจธรรม ที่เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างด้วยไม้ทั้งหมด และเป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างด้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยครับ ราคาบัตรเข้าชมด้านในตัวปราสาท คนละ 500 บาท แต่สามารถเลือกเข้ามาดูแค่จุดชมวิวแบบผมก็ได้ครับ คนละ 50 บาท เปิดเข้าชมตั้งแต่ 8.00 – 17.00 น. บริเวณก่อนทางเข้าปราสาทจะมีสัตว์ต่างๆ อาทิ ม้า แพะ กระต่าย ให้เราซื้ออาหารป้อนและถ่ายรูปได้ด้วยนะครับ
ที่ต่อไปก็คือ เมืองจำลองมินิสยาม ที่นี่จะจำลองเมืองต่างๆ ของโลกในขนาดกะทัดรัดให้เราได้ชมกัน ตั้งใจทำออกมาได้สวยมากๆ เลยครับ มินิสยามเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 7.00 – 21.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 120 บาท พื้นที่กว้างขวางมากๆ ผมใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ถึงเดินชมได้ทั่ว
เมื่อเดินเล่นถ่ายรูปกันจนพอใจก็ไปเที่ยวต่อที่ มิโมซ่า พัทยา เพราะอะไรไม่ทราบเหมือนกันนะครับ วันที่ผมไปเขาให้เข้าฟรี คาดว่าน่าจะกำลังปรับปรุงอยู่ ผมก็เลยเข้าไปดูนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็ออกมาครับ โซนถ่ายรูปยังมีไม่เยอะด้วย
จากนั้นก็ไปกันต่อที่ พัทยาดอลฟิน เวิร์ล โดยการแสดงปลาโลมาจะมีวันละ 5 รอบ ได้แก่ 9.00, 11.00, 13.00, 15.00 และ 17.00 น. ใช้ระยะเวลาในการแสดงรอบละ 45 นาที ค่าเข้าชมคนละ 250 บาท
เสร็จเรียบร้อยก็ไปหาอาหารเย็นทานแล้วก็กลับโรงแรมเพื่อพักผ่อนสำหรับเที่ยววันพรุ่งนี้ ใกล้เวลาจะได้กลับบ้านเข้าไปทุกที่ อ่าส์.. การมาเที่ยวครั้งนี้นี่มันช่างสบายจริงๆ ว่าแล้วก็เช้าวันใหม่ ไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารเหมือนเดิม เสร็จแล้วก็มาแพ็คกระเป๋าและก็เช็คเอาท์เป็นอันจบพิธี แต่ก่อนจะกลับเราไปแวะที่เที่ยวกันต่อ นั่นก็คือ วิหารเซียน เป็นวิหารขนาดใหญ่ สร้างสรรค์ด้วยศิลปะแบบจีน มีทั้งหมด 3 ชั้น ภายในมีรูปปั้น ทั้งไทยและจีน เปิดให้เข้าชมเวลา 8.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 50 บาท
จากนั้นพวกผมกะจะไปแวะที่ไร่องุ่นซิลเวอร์เลคแต่ทนความร้อนของแสงแดดไม่ไหว ไร่องุ่นควรจะมาตอนเย็นๆ ที่แดดร่มลมตกไปแล้วนะครับ พวกผมจึงไปแวะไหว้พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดาที่เขาชีจรรย์แทน แต่อยู่ได้ไม่นานก็ต้องรีบกลับขึ้นรถเพราะแดดที่นี่แรงจริงๆ
ทริปนี้เป็นทริปที่ได้มาชาร์จพลังกับทะเลอย่างเต็มที่ และยังได้เที่ยวทั่วพัทยาด้วย การเดินทางก็ไม่ไกลใช้เวลาแค่ 3 ชม. จากกรุงเทพฯ ตอนนี้ร่างกายพร้อมกลับไปต่อสู้กับงานที่มีมากมายแล้ว เจอกันใหม่ครั้งหน้าแล้วแพ็คกระเป๋าไปเที่ยวด้วยกันนะคร้าบ
ค่าใช้จ่าย
- โรงแรมอมารี เรสซิเดนซ์ พัทยา 2 คืน รวมอาหารเช้า ทั้งหมด 2,400 บาท ตกคนละ 1,200 บาท
- เรือข้ามฟากเกาะแสมสาร 300 บาท/คน
- จุดชมวิว ปราสาทสัจธรรม 50 บาท/คน
- ค่าเข้าเมืองจำลอง มินิสยาม 120 บาท/คน
- พัทยา ดอลฟิน เวิลด์ 250 บาท/คน
- วิหารเซียน 50 บาท/คน
- ค่าน้ำมัน ทั้งหมด 840 บาท ตกคนละ 420 บาท
- ค่าทางด่วน 240 บาท ตกคนละ 120 บาท
- อาหาร 5 มื้อ คนละ 475 บาท
รวมทั้งหมด 2,985 บาท/คน
Facebook Comments