เส้นทางรถไฟสายซากุระ 桜の鉄道
เมษายนแล้ว ช่วงนี้ซากุระที่ญี่ปุ่นกำลังบานเลยสินะ ลืมไปซะสนิทเลยเนี่ยว่าจองตั๋วเครื่องบินเอาไว้ ตั้งใจว่าจะไปคนเดียวนี่แหละ และนี่…จึงเป็นที่มาของทริปนี้ เส้นทางรถไฟสายซากุระ 桜の鉄道 กับนายซานต้า เครดิตคุณ Born Zanta
ผมบ่นพึมพำกับตัวเองเพราะนี่อีกไม่กี่วันก็ต้องเดินทางไปญี่ปุ่นแล้ว เงินเยนก็ไม่ได้ซื้อเพิ่มที่มีอยู่เดิมก็แค่หมื่นกว่าเยน แล้วงานแบบว่ากองเท่าภูเขา แต่ให้ทำไงได้เรื่องเที่ยวสำคัญกว่า ที่สำคัญจองตั๋วไปไม่ใช่ถูกๆ ชิ่งไปซื้อเงินเยนก่อนล่ะกัน แล้วหาเวลาดูโรงแรมแคปซูลก็ได้ นอนคนเดียวสบายๆ แพลนก็ช่างมันไปหาเอาดาบหน้า ซากุระเหรอไปช่วงนี้ยังไงก็ต้องได้เจอสิน่า
เมื่อได้เงินเยนเรียบร้อย ก็เหลือแค่ที่พักเราจะนอนไหนดี โอเค เล็งโรงแรมแคปซูลอะไรก็ได้ที่โตเกียวนี่แหละ ตัวคนเดียวสบายอยู่แล้ว ดังนั้นแพลนทริปจึงไม่มีอะไรเลย เป็นแพลนง่ายๆ ที่มีจุดประสงค์คือการไปดูซากุระก็แค่นั้น
วันเดินทาง ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ไปถึงก็โหลดกระเป๋า รับ boarding pass แล้วเดินไปทำพิธีผ่าน ตม. รอที่ Gate แป๊บๆ เครื่องบินก็มาเทียบงวงช้าง พนักงานเรียกขึ้นเครื่อง นั่งนอนบนเครื่อง กัปตันประกาศ ถึงสนามบินฮาเนดะแล้ว ไวปานโกหก นี่ก็ยังสว่างอยู่เลย งั้นเราไปเริ่มที่โตเกียวล่ะกัน จัดแจงซื้อตั๋วรถไฟจากสนามบินฮาเนดะไปสถานีโตเกียว ที่แรกจะไปที่ไหนดีนะ หาซากุระใกล้ๆ สถานีโตเกียวก่อนดีกว่า อ่ะที่นี่ล่ะกัน เดินไปได้เลย
จุดที่ 1 – Chidorigafuchi Park
ที่นี่คนนิยมมากันมากเพราะจุดเด่นคือซากุระที่บานสะพรั่งหนาแน่นริมน้ำนี่แหละ และยังมีเรือให้พายได้ด้วย ทำไมต้องพายกันเป็นคู่ด้วยเนี่ย ผมจะไปพายเป็นคี่ก็เกรงใจ เอาล่ะ…มาต่อดีกว่า สวน Chidorigafuchi ไม่ได้ใหญ่อะไรมากครับ ค่อนข้างจะคับแคบด้วยซ้ำ เวลาเดินนี่ต้องไหลๆ ไปตามคน เสร็จแล้วก็มุ่งหน้ากลับที่พัก คืนแรกผมไปนอนโรงแรมแคปซูลที่ชินจูกุ (Shinjuku Kuyakusho-mae Capsule Hotel) ซึ่งอยู่ติดกับสถานี Shinjuku เลยครับ
ก่อนอื่นเรื่องกินคงตัดไป เรื่องค่าเดินทางให้ใช้ JR Pass นะครับ ผมเหมาจ่ายไปเลย 7 วัน ส่วนเรื่องที่พักผมจะอธิบายแค่การเดินทางคร่าวๆ เพราะตั้งใจจะเน้นจุดที่ผมไปเจอซากุระบานที่สามารถเดินทางไปได้โดยรถไฟหรือเดินนิดหน่อยไม่เกิน 3 กิโลเมตร เอ๊ะ.. มันเรียกว่านิดหน่อยไหม? ฮ่าๆ ไม่ได้นะครับ มาญี่ปุ่นต้องเดินเยอะๆ ว่าแล้วก็ลุยเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ต่อครับ การเดินทางผมเริ่มจากสถานี Shinjuku แล้วนั่งรถไฟ Chuo Line-Limited Express ต่อเดียวไปถึงสถานี Matsumoto เลยครับ ถ้าใครอยากจะประหยัดเวลาก็มีรถบัส จาก Shinjuku ไปถึง Matsumoto เหมือนกันครับ
เมื่อถึงสถานี Matsumoto ผมก็ไปเก็บของที่โรงแรมอีดายะ (Hotel Iidaya) ซึ่งอยู่ติดกับสถานี Matsumoto เลย แล้วนั่งรถไฟจากสถานี Matsumoto สายสีแดง (Shinonoi Line)ไปยังสถานี Minami-Matsumoto แล้วเดินต่ออีกนิดไปยังสวน Koboyama
** ไม่ไกลจากสถานี Matsumoto สามารถไปแวะที่ปราสาทมัตสึโมโตะได้นะครับ เนื่องจากซากุระที่นี่ไม่อลังการผมก็เลยขอข้ามไป
จุดที่ 2 – Koboyama Park
ที่นี่ต้นซากุระเยอะมากๆ โดยสวนนี้อยู่บนเนินเขาทางตอนใต้ของเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) จุดเด่นคือซากุระนับร้อยกับแจแปนแอลป์ภูเขาที่อยู่ด้านหลังนั่นเองครับ และยังสามารถมองเห็นวิวตัวเมืองมัตสึโมโตะได้ด้วย
จากนั้นที่ต่อไปก็คือ สวน Joyama การเดินทางไปสวนนี้ ให้นั่งรถไฟจากสถานี Matsumoto สายสีน้ำตาลอ่อน (Oito Line) ไปยังสถานี Kita-Matsumoto แล้วเดินไปอีกสักพัก
จุดที่ 3 – Joyama Park
เสร็จแล้วผมก็เดินทางกลับไปยังโรงแรม เตรียมตัวย้ายจากที่นี่ไปทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่นนั่นก็คือเซนไดนั่นเอง การเดินทางให้นั่งรถไฟจากสถานี Matsumoto สายสีแดง (Shinonoi Line) ไปยังสถานี Nagano แล้วต่อรถไฟชินคังเซนโฮคุริคุ (Hokuriku-Shinkansen) ไปยังสถานี Omiya ต่อรถไฟชินคังเซนโทโฮคุ (Tohoku Sinkansen) ไปยังสถานี Sendai เพื่อไปพักผ่อนที่โรงแรมแคปซูล 9 hours (Nine Hours Sendai)
รุ่งขึ้นผมก็นั่งรถไฟจากสถานี Sendai สายสีเขียว (Tohoku Line) ไปยังสถานี Funaoka
เมื่อถึงสถานี Funaoka ให้เดินไปอีกนิด จะเจอสะพาน Shibata Senou ยืนรอบนนั้นพอรถไฟมาแล้วก็ห้ามพลาดที่จะ แชะ…
จุดที่ 4 – Shibata Senou Bridge
ที่นี่จะมีต้นซากุระเรียงรายริมทางรถไฟยาวสุดลูกหูลูกตา จึงไม่แปลกเลยที่จะมีคนจำนวนมากแห่มาชมกัน ยิ่งเวลาที่รถไฟวิ่งผ่านมา แทบจะทุกคนจะต้องหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายขบวนรถไฟคู่กับซากุระกันตลอด เมื่อถ่ายรูปจนพอใจแล้วก็ให้เดินต่อไปอีกนิดก็จะเจอสวนของซากปราสาทฟุนะโอกะครับ
ที่นี่จริงๆ แล้ว เคยมีปราสาทฟุนะโอกะอยู่แต่ถูกทำลายไปจนหมด และมีการนำซากุระและต้นไม้อื่นๆ มาปลูกทดแทน นั่นคือที่มาของสวนซากปราสาทฟุนะโอกะครับ จุดเด่นของที่นี่ก็คือการนั่งรถรางชมซากุระขึ้นไปบนยอดเขา ข้างบนจะมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสีขาวสูง 24 เมตร ด้วยนะครับ
เมื่อถ่ายรูปจนพอใจแล้วผมก็นั่งรถไฟจากสถานี Funaoka สายสีเขียว (Tohoku Line) ไปยังสถานี Fukushima แล้วต่อรถบัสนำเที่ยวไปกลับ 500 เยน ไปยังสวน Hanamiyama
จุดที่ 5 – Hanamiyama Park
ที่นี่มีจุดเด่นก็คือมีดอกไม้มากถึง 70 ชนิด ที่บานเรียงรายเต็มภูเขา ที่มาก็คือคนที่นี่นิยมปลูกไม้ดอกไม้ประดับขาย รวมไปถึงซากุระด้วย จนวันนึงมีชาวบ้านได้เปิดสวนซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาให้คนนอกได้เข้ามารับชมกัน และกลายเป็นสวน Hanamiyama ในปัจจุบันนั่นเอง จากนั้นผมก็ตรงกลับไปที่โรงแรมเพื่อพักผ่อน วันพรุ่งนี้จะพาไปชมปราสาทนกกระเรียนครับ
รุ่งขึ้นเราก็มานั่งรถไฟชินคังเซนโทโฮคุ (Tohoku Shinkansen) จากสถานี Sendai ไปยังสถานี Koriyama แล้วต่อรถไฟสายสีน้ำตาล (Ban-Etsusai Line) ไปยังสถานี Aizu-Wakamatsu แล้วต่อรถบัสท้องถิ่น ราคา 210 เยน จะไปส่งที่หน้าทางเข้าปราสาทซึรุงะเลยครับ
จุดที่ 6 – Tsuruga Castle
ที่นี่จุดเด่นก็คือปราสาทซึรุงะ หรือปราสาทนกกระเรียน กับซากุระที่กำลังบานสะพรั่งเต็มไปหมดบริเวณสวนรอบตัวปราสาทเลยครับ ผมอยู่ที่นี่ได้สักพักใหญ่ก็นั่งรถบัสท้องถิ่น 210 เยน ไปยังสถานีรถไฟ Aizu-Wakamatsu แล้วต่อสายสีน้ำตาล (Ban-Etsusai Line) ไปยังสถานี Kikuta
จุดที่ 7 – Kikuta Station
ที่นี่จุดเด่นก็คือซากุระมากมายขนานไปกับแม่น้ำ และอยู่ใกล้สถานีรถไฟ Kikuta มากๆ อีกด้วย ประมาณว่ากระโดดลงจากรถไฟก็ถึงเลย ใครมีเวลาเหลือเยอะก็มาเดินชิลที่นี่ได้อีกที่ครับ
ที่ต่อไปนี้ไม่ใช่ซากุระแต่ขอไปแวะดูหน่อยนะครับ โดยเราต้องนั่งรถไฟจากสถานี Kikuta สายสีน้ำตาล (Ban-Etsusai Line) ไปยังสถานี Koriyama แล้วต่อรถไฟชินคังเซนโทโฮคุ (Tohoku Shinkansen) ไปยังสถานี Oyama แล้วต่อรถไฟสายสีฟ้า (Mito Line) ไปยังสถานี Katsura จะมีรถบัสนำเที่ยวพาไปยังสวน Hitachi Seaside ราคาเที่ยวละ 400 เยน
จุดที่ 8 – Hitachi Seaside Park
จุดเด่นของที่นี่ก็คือทุ่งดอกไม้สีฟ้า หรือดอกเนโมฟีลา (Nemophila) ที่บานทั่วทั้งภูเขาเลยครับ เมื่อถ่ายรูปจนหนำใจแล้วผมก็นั่งรถไฟจากสถานี Katsuta สายสีชมพู (Hitashi-Tokiwa) ไปยังสถานี Nippori แล้วต่อรถไฟสายสีเขียว (Yamanote Line) ไปยังสถานี Shinjuku เดินอีกนิดนึงก็ถึงโรงแรมแคปซูล (Shinjuku Kuyakusho-mae Capsule Hotel) แล้วก็พักผ่อน
ตื่นมาก็ไปเที่ยวกันต่อวันนี้เราไปแถวๆ ภูเขาฟูจิกันครับ ก่อนอื่นเราก็นั่งรถไฟจากสถานี Shinjuku สายสีม่วง (Chuo Line-Limited Express) ไปยังสถานี Otsuki แล้วต่อสายสีน้ำเงิน (Fujukyuko Line) ไปยังสถานี Fujisan แล้วไปต่อรถบัส Fujikko ราคา 380 เยน ไปยังหมู่บ้านโอชิโนะ ฮักไก
จุดที่ 9 – Oshino Hakkai
ที่นี่สามารถถ่ายซากุระคู่กับภูเขาฟูจิได้ด้วย และยังมีจุดเด่นคือบ่อน้ำที่มีน้ำใสมากๆ จำนวน 8 บ่อ บ่อน้ำนี้เกิดจากหิมะบนภูเขาฟูจิที่ละลายในช่วงฤดูร้อนจึงทำให้เกิดเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ใสและสะอาดมากๆ ครับ ใครมาที่นี่ห้ามพลาดไปชมนะครับ
แล้วเราก็เดินทางต่อโดยนั่งรถบัส Fujikko ไปยังสถานี Fujisan ค่ารถ 380 เยน แล้วนั่งรถไฟจากสถานี Fujisan สายสีน้ำเงิน (Fujikyoko Line) ไปยังสถานี Kawaguchiko แล้วต่อรถ Shuttle Bus ไปกลับ ราคา 1,900 เยน เพื่อไปยังทุ่งดอกชิบะซากุระ
จุดที่ 10 – Mt. Fuji Shibazakura Festival
ที่นี่จะจัดเป็นเทศกาลชมดอกชิบะซากุระ ถึงแม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายพันธุ์กับซากุระ แต่ที่ผมมาเพราะมีชื่อซากุระเหมือนกัน อ้าว.. ไม่ใช่ เพราะเผอิญบานช่วงนี้พอดีและยังได้ถ่ายรูปเจ้าดอกชิบะซากุระกับภูเขาฟูจิด้วยครับ อลังการจริงๆ เลย
เสร็จแล้วก็กลับโดยนั่งรถ Shuttle Bus ไปยังสถานีรถไฟ Kawaguchiko แล้วนั่งรถไฟสายสีน้ำเงิน (Fujikyuko Line) ไปยังสถานี Otsuki แล้วต่อรถไฟสายสีม่วง (Chuo Line-Limited Express) ไปยังสถานี Shinjuku แล้วก็กลับที่พัก เตรียมตัวสำหรับการเดินทางกลับประเทศไทย หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการนั่งรถไฟสายซากุระสายนี้ไปกับผมนะครับ เจอกันใหม่ทริปหน้าแล้วแพ็คกระเป๋าไปด้วยกันคร้าบ
Facebook Comments