ตะลุยเที่ยวเมืองตรัง ในวันที่ฝนตก

image00079มาตรังครั้งแรกก็คราวนี้ล่ะ หลายๆ ที่ที่ไปก็เพราะมีเพื่อนชวน ทริปนี้ก็เช่นกันแค่เพื่อนอาสาเป็นคนขับรถพาเที่ยว เราก็ใจง่ายจองตั๋วทันที ฮ่าๆๆ รอบนี้ไม่เน้นออกเกาะเพราะมาหน้าฝน ก็ดี.. จะสำรวจเมืองตรังให้ทั่วเลย

แพลนทริป

วันที่ 1 บินไปสนามบินตรัง / สวนสาธารณะพระยารัษฎาฯ / คนถนนคนเดิน / น้ำพุพยูน / หอนาฬิกา
วันที่ 2 นั่งรถไฟไปกันตัง / สถานีรถไฟกันตัง / บ้านพระยารัษฎาฯ / สวนสาธารณะควนตำหนักจันทน์
วันที่ 3 นั่งเรือไปเกาะมุก / เที่ยวเกาะมุก / อาหารทะเลสดๆ
วันที่ 4 นั่งเรือกลับท่าเรือควนตุ้งกู / ถ้ำเขาช้างหาย / สวนทับเที่ยง / บินกลับสนามบินดอนเมือง

image00002

สภาพอากาศสดใสดีมาก

เอาล่ะ.. ออกเดินทางกันเลย ฮาโหลๆ เพื่อน จะบินล่ะอีก 1 ชั่วโมงเจอกันที่สนามบินตรังนะ รอรับโทรศัพท์ด้วย ไวปานโกหกก็มาถึงเพื่อนมาพร้อมกับปิคอัพคันกะทัดรัดพาผมไปเช็คอินที่โฮสเทล เช็คอินเรียบร้อยก็ออกไปเที่ยวชมแสงไฟยามค่ำคืนกัน ที่แรกคือสวนสาธารณะพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี มาไหว้พระยารัษฎาฯ เอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนครับ บริเวณสวนสาธารณะอากาศดีมาก มีแสงไฟส่องสว่างทั่วทำให้ไม่น่ากลัว ต้องบอกว่าพระยารัษฎาฯ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และเป็นที่เคารพนับถือของคนจังหวัดตรังอย่างมากเลยครับ จะเห็นได้ว่าเราจะเจอรูปปั้น ภาพวาด หรือภาพถ่ายของท่านทั่วไปหมด เพราะท่านทำคุณประโยชน์ และนำความเจริญมาให้ทางฝั่งอันดามันและจังหวัดตรังนี้อย่างมากมายเลยครับ

image00006

รูปปั้นพระยารัษฏานุประดิษฐ์มหิศรภักดี

จากนั้นก็แวะไปทานหมี่ฮกเกี้ยนอันขึ้นชื่อของเมืองตรังครับ ร้านที่เพื่อนแนะนำก็คือ ร้านฉิวดำ ซึ่งเป็นต้นตำหรับแท้จากชุมชนชาวจีนฮกเกี้ยนเลยนะครับ แนะนำให้ลองมาทานกันครับรสชาติดี ผมนี่กินเกลี้ยงไม่เหลือ

image00008

หมี่ฮกเกี้ยน ร้านฉิวดำ

เมื่อท้องอิ่มก็แวะไปเดินชมถนนคนเดินแถวสถานีรถไฟตรัง ตลอดทางจะเจอเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของเล่น อาหาร เครื่องดื่ม ระยะทางประมาณ 400 เมตรได้ครับ

image00010

ถนนคนเดิน ย่านการค้าสถานีรถไฟตรัง

เมื่อเดินเล่นกันพอสมควรก็ไปต่อกันที่น้ำพุพยูน และหอนาฬิกาครับ น้ำพุพยูนถือเป็นจุดเด่นของเมืองตรังเลยนะครับ เรียกว่าไม่มีที่ไหนเหมือน ก็เลยขอเก็บภาพมาไว้ซะด้วยเลย

image00015

น้ำพุพยูน

image00017

หอนาฬิกา

เป็นเวลาพอสมควรก็กลับไปที่พักนกฮูกเฮาส์ เป็นโฮสเทลราคาประหยัดพักได้ 4 คนต่อห้อง แต่ช่วงที่ผมไปเป็นหน้าฝนทำให้ที่พักนี้ว่างมากๆ แต่ผมก็ยังมีเพื่อนร่วมห้องเป็นคนเกาหลีหนึ่งคนที่นิสัยดีมากครับ ผมอาศัยนอนกับชาร์จแบตมือถือแค่นั้น ตอนเช้าทางที่พักก็มีอาหารเช้าแบบบริการตนเอง ดังนั้นมื้อนี้ผมจึงจัดไข่เจียวและขนมปังปิ้งมานั่งทานชิลๆ พร้อมกับชาและโกโก้ กินไปฝนก็ตกไป อากาศเย็นสบาย จนกระทั่งสายๆ หน่อย เพื่อนก็มารับไปปล่อยที่สถานีรถไฟตรัง วันนี้ผมจะนั่งรถไฟจากสถานีรถไฟตรังไปเที่ยวที่กันตัง เพื่อนตัวดีดันมีธุระทำให้ 2 วันแรกไม่ได้พาผมไปเที่ยว แต่อย่างน้อยก็ยังอาสามาส่งไปปล่อยตามจุดต่างๆ ฮ่าๆๆ ดีจริงๆ เมื่อเรียบร้อยก็ บ้าย บาย.. แล้วก็จัดแจงซื้อตั๋วรถไฟ 5 บาท นั่งรอเวลากันไป (รถไฟมาสถานีกันตัง และกลับไปกรุงเทพฯ มีเพียง 1 เที่ยว ดังนั้นใครแพลนมากันตังแล้วต้องนั่งรถไฟกลับ อย่าลืมเช็คเวลาให้ดีนะครับ)

image00018

สถานีรถไฟตรัง

image00024

ตั๋วโดยสารรถไฟ จากสถานีตรัง ไปสถานีกันตัง

ถึงแล้วสถานีรถไฟกันตัง ที่นี่เป็นสถานีรถไฟที่สวยงามมาก ลักษณะเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวทาสีเหลืองสลับน้ำตาล คงสภาพเดิมไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ 6 และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานอีกด้วยครับ จุดเด่นของสถานีนี้อีกอย่างก็คือเป็นสถานีสุดท้ายทางฝั่งอันดามัน เรียกว่าเป็นไฮไลท์ที่ใครมาก็อดไม่ได้ที่จะต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

image00026

สถานีรถไฟกันตัง

image00027

สถานีรถไฟกันตัง

image00029

สุดทางรถไฟฝั่งอันดามัน สถานีกันตัง

ผมจะไปต่อที่พิพิธภัณฑ์พระยารัษฏานุประดิษฐ์มหิศรภักดี หรือจวนเก่าของเจ้าเมืองตรัง ลักษณะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ภายในมีรูปปั้นพระยารัษฎาฯ และข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ที่พยายามคงสภาพเดิมให้เราได้ชมกัน ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 8.00 – 16.30 น. เนื่องจากผมไม่ต้องรอขึ้นรถไฟกลับเพราะผมจะไปนอนที่ปากเมง ดังนั้นผมจึงเลือกเดินเที่ยวในกันตังแทนครับ ส่วนใครที่เวลาน้อยแนะนำว่าให้ติดต่อมอเตอร์ไซต์รับจ้างนะครับ เพราะจะทำเวลาได้ดีกว่า

image00039

พิพิธภัณฑ์พระยารัษฏานุประดิษฐ์มหิศรภักดี หรือจวนเก่าของเจ้าเมืองตรัง

image00035

รูปปั้นพระยารัษฏานุประดิษฐ์มหิศรภักดี

image00037

สภาพภายในบ้านพัก

จากนั้นผมก็เดินต่อไปยังต้นยางพาราต้นแรกของประเทศไทย เดินไปเดินมาก็ยังหาไม่เจอ เหลือบไปเห็นวัดตรังคภูมิพุทธาวาสสวยดี อ่ะขอเข้าไปไหว้พระทำบุญสักหน่อยล่ะกัน

image00041

พระพุทธชัยมงคล วัดตรังคภูมิพุทธาวาส

พอไหว้พระทำบุญเสร็จเท่านั้นล่ะ เดินออกมาจากวัดเจอป้ายบอกทางเลยว่า ต้นยางพาราต้นแรกของประเทศไทยอยู่ฝั่งตรงข้ามข้างหน้านี่เอง นี่ผมเดินเลยมาสัก 100 เมตรได้ ต้นยางพาราต้นแรกนี้ถูกนำมาปลูกโดยพระยารัษฎาฯ ในปี พ.ศ. 2442 เราจะเห็นว่าท่านเป็นผู้ทรงมองการณ์ไกลในหลายๆ เรื่องเลยทีเดียว

image00044

ต้นยางพาราต้นแรกของประเทศไทย

จากนั้นเดินย้อนกลับไปต่อที่สวนสาธารณะควนตำหนักจันทน์ ซึ่งแต่เดิมที่นี่เป็นตำหนักหลังเล็กๆ บนเนินเขา ใช้ในการรับเสด็จรัชกาลที่ 6 ประพาสเมืองกันตัง ต่อมาในช่วงสงครามโลกอาคารต่างๆ ทรุดโทรมลงไปจึงได้ทำการรื้อถอนทั้งหมดเหลือไว้เพียงแค่ชื่อควนตำหนักจันทน์ ที่นี่มีจุดชมวิวเมืองกันตัง และยังมีอุโมงค์กองทัพญี่ปุ่น สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ปรับปรุงทางเดินให้เราสามารถเข้าไปชมได้ด้วยครับ ส่วนสวนสาธารณะมีต้นไม้ขึ้นรกรุงรังมากจนผมมองว่าเป็นป่ามากกว่าจะเป็นสวนสาธารณะ ใครที่เข้าไปชมก็ระมัดระวังกันด้วยนะครับ

image00045

สวนสาธารณะควนตำหนักจันทน์

image00047

อุโมงค์กองทัพญี่ปุ่น สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

image00049

ศาลาพักผ่อนที่อยู่สูงสุดบนเนินเขา สวนสาธารณะควนตำหนักจันทน์

เมื่อเดินเที่ยวกันตังครบทั้งหมด ผมก็ไปรอเพื่อนที่ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์เมืองกันตัง ด้านข้างมีตลาดแบบตั้งร้านชั่วคราวทำให้ผมมีของกินเล่นรอเวลา ใกล้ๆ ยังมีแพขยานยนต์ที่สามารถพารถยนต์ข้ามไปอีกฝั่งได้ด้วย ดีจริงๆ ไม่ต้องขับรถอ้อมไปข้ามสะพานไกลๆ ด้วยครับ

image00051

ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์เมืองกันตัง

image00050

แพขนานยนต์

รอสักพักเพื่อนก็มารับ พวกผมตรงดิ่งไปที่ปากเมงเลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ไปถึงก็เช็คอินที่พักนอนเอาแรงทันที เช้าวันรุ่งขึ้นพวกผมตื่นมาก็พบว่าฝนตกกระหน่ำเลย วันนี้จะได้ออกไปเกาะไหมเนี่ย ลุ้นๆ จะอะไรก็แล้วแต่ใกล้ๆ เวลา 10.00 น. ฝนก็หยุดตก พวกผมเลยรีบเช็คเอาท์แล้วตรงดิ่งไปที่ท่าเรือควนตุ้งกู สามารถจอดรถที่ท่าเรือได้เลยนะครับ ที่ท่าเรือนี้จะมีเรือเมล์มารับตอน 12.00 น. เรามาทันเรือออกพอดี เอาล่ะ..เดินทางไปเกาะมุกกันครับ

image00053

เรือเมล์เกาะมุก

การเดินทางโดยเรือเมล์ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสารคนละ 20 บาท เรือเมล์จะมีวันละ 1 เที่ยว ออกจากท่าเรือควนตุ้งกู เวลาประมาณ 12.00 น. และออกจากเกาะมุกเวลา 8.00 น. ดังนั้นแพลนเวลากันให้ดีนะครับ ไม่งั้นต้องเหมาเรือหางยาวแทนประมาณ 600 บาทต่อเที่ยว การมาเกาะมุกแนะนำว่าให้ค้างสัก 2 คืน ส่วนผมมาหน้าฝนจึงขอค้างแค่ 1 คืนพอครับ เรียกว่ามาสำรวจดีกว่าเพราะรู้อยู่แล้วว่าช่วงนี้ที่เกาะแทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวเลยครับ ฝนตกบ่อยแบบนี้นอนอยู่รีสอร์ทอย่างเดียวดีกว่า ฮ่าๆ

แนะนำสำหรับเพื่อนๆ ที่มาในช่วงฟ้าใส แล้วอยากจะนั่งเรือเที่ยวตามเกาะต่างๆ แต่คิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหนได้บ้าง ให้ลองไปดูที่ เว็บใซต์ Phuket Ferry ได้เลยครับ

image00064

เกาะมุก

เมื่อถึงเกาะมุก พวกผมก็เหมามอไซต์พ่วงข้างหรือรถซาเล้งพาไปยังที่พักเกาะมุกการ์เด้นบีชรีสอร์ท ที่นี่มีแค่ผมกับเพื่อนจริงๆ ส่วนตัวมาก แต่ๆๆๆ เดี๋ยวนะ ครัวก็ปิดด้วยล่ะครับเพราะไม่มีนักท่องเที่ยว ไม่ได้การล่ะเย็นนี้จะมีข้าวกินไหมเนี่ย โชคยังดีที่เจ้าของรีสอร์ทอาสาทำอาหารซีฟู้ดให้ทาน เพราะช่วงนี้จับปูได้เยอะ ยิ่งช่วงนี้เป็นหน้ามรสุม ปูจะเยอะ เนื้อจะแน่น และอร่อยเป็นพิเศษครับ พวกผมไม่รอช้ารีบนัดแนะเวลาทานข้าวแบบจัดเต็ม ปู 1 กิโลกรัม ข้าวผัดปู 2 จาน และปูผัดไข่เค็ม รอดแล้วมื้อนี้ ฮ่าๆ สบายใจแล้วพวกผมก็ไปเดินสำรวจเกาะมุกกันครับ

image00058

รีสอร์ทที่มาพักครับ บรรยากาศดีมาก

image00057

เปลญวน นอนเล่นริมทะเล

เดินเล่นกันรอบรีสอร์ทนี่แหละครับ กลัวฝนจะตกหนักแล้วกลับไม่ได้ ระหว่างทางเจอหมู่บ้านชาวประมงด้วยกำลังเก็บอวน ลากเรือเข้าฝั่ง บ้างก็กำลังทำอาหารกันอยู่เลย ผมเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาฝากครับ อยู่เดินเล่นสักพักก็กลับมาอาบน้ำ รอเวลาทานอาหารเย็น

image00059

อาหารเย็นมื้อนี้

โอ้โห… อาหารมื้อนี้หน้าตาดูดีมาก รสชาติอร่อยมากๆ ด้วย เนื้อปูนี่แน่นและหวาน น้ำจิ้มซีฟู้ดก็รสเด็ดอีก เป็นมื้อที่ฟินและคุ้มที่สุดแล้วในทริปนี้ พวกผมจัดการอาหารตรงหน้ากันเกลี้ยงเลย เสร็จแล้วก็ไปเก็บข้าวของเตรียมแพ็คกระเป๋า พรุ่งนี้เช้าตื่นมาจะได้ไปให้ทันเรือตอน 8.00 น. นัดแนะกับรถมอเตอร์ไซต์พ่วงข้างเมื่อวานไว้แล้ว สบายๆ

ตื่นเช้ามาก็อาบน้ำแต่งตัว พี่คนขับมอเตอร์ไซต์พ่วงข้างมารอเราอยู่แล้ว ก็จัดการเช็คเอาท์แล้วไปท่าเรือกันเลย ใช้เวลากลับประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงท่าเรือควนตุ้งกู เอาของโยนขึ้นรถแล้วขับกลับไปยังเมืองตรังเพื่อหาอะไรกินเป็นอันดับแรก เมื่ออิ่มเรียบร้อยเราก็ไปต่อกันที่ ถ้ำเขาช้างหาย และเนื่องจากเรามาหน้าฝน ฮ่าๆ เหตุผลนี้อีกแล้ว เจ้าหน้าที่หรือคนดูแลถ้ำไม่มีเลย คือเห็นว่าในถ้ำมีการเดินสายไฟไว้นะ พยายามเปิดแล้วแต่ไม่ติด แล้วเราก็ไม่ได้เตรียมไฟฉายมาด้วย อารมณ์อยากเข้าไปดูก็อยาก เอาล่ะ… อาศัยแฟลชโทรศัพท์มือถือนี่แหละ แล้วก็เดินเข้าไปในถ้ำกันสองคน แหม.. ช่างกล้าจริงๆ ประวัติของถ้ำนี้สืบเนื่องมาจากมีขบวนช้างของเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชบังเอิญผ่านที่เขาลูกนี้ แล้วแม่ช้างเชือกนึงคลอดลูกพอดีจึงทำให้ขบวนต้องหยุดพัก เมื่อลูกช้างยืนเดินแข็งก็วิ่งเล่นซุกซนจนเข้าไปในถ้ำ ควาญช้างจุดไต้เดินเข้าไปหาก็หาไม่พบ จึงกลายเป็นที่มาของชื่อว่าถ้ำเขาช้างหาย ลักษณะภายในถ้ำมีโถงถ้ำ 6 ห้อง มีหินงอกหินย้อยเต็มไปหมด พวกผมเดินเข้าไปประมาณ 400 เมตร แค่เจอรอยเท้าช้างก็ออกมา เพราะมันมืดมากจริงๆ

image00069

ถ้ำเขาช้างหาย

image00071

ภายในถ้ำมืดสนิท

image00073

รอยเท้าช้าง

เมื่อเสร็จแล้วก็กลับไปเมืองตรัง อากาศตอนนี้เย็นดีจริงๆ ผมเลยเสนอว่าไปหาอะไรร้อนๆ ทานกันดีกว่า เพื่อนก็แนะนำว่างั้นไปกินก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟรสเด็ด ร้านเขี้ยงชวนชิม ว่าแล้วก็ไปจัดเย็นตาโฟกันครับ

image00077

ร้านเขี้ยงชวนชิม เจ้าของร้านยืนยิ้มให้ผมถ่ายรูปเลย

image00076

เย็นตาโฟรสเด็ด เขี้ยงชวนชิม

เสร็จแล้วก็กลับไปบ้านเพื่อน ผมแอบเห็นว่ามีสวนอยู่ใกล้ๆ ด้วย จึงออกไปเดินเล่นรอเวลาที่จะไปสนามบิน ในสวนนี้มีจัดบอร์ดนิทรรศการทำให้ผมทราบประวัติความเป็นมาว่าแต่ก่อนศูนย์การปกครองอยู่ที่เมืองกันตัง แต่เนื่องด้วยเมืองทับเที่ยงมีชัยภูมิที่อยู่จุดศูนย์กลาง และยังเป็นย่านการค้าขาย เรียกว่าทำเลดีเหมาะแก่การปกครอง จึงย้ายเมืองจากกันตังมายังทับเที่ยง และได้ตั้งเป็นเมืองตรังในปัจจุบัน ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมาเกิน 100 ปีแล้วที่มีการย้ายเมือง โอ้โห.. ที่นี่ช่างมีประวัติที่น่าประทับใจจริงๆ

image00078

100 ปี เมืองทับเที่ยง สวนทับเที่ยง

image00080

เล่าเรื่องเมืองทับเที่ยง

image00082

เที่ยวทั่วทับเที่ยง

image00086

เมืองพระยารัษฎาฯ

และแล้วก็ถึงเวลา เพื่อนมาส่งที่สนามบินตรังเรียบร้อย บ้ายบายนะเพื่อน ขอบใจมากๆ ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าเราจะไปนอนเกาะรอกกันนะ ขอจบทริปตรังหน้าฝนไว้แค่นี้ แล้วแพ็คกระเป๋าไปเที่ยวด้วยกันใหม่นะคร้าบ

ค่าใช้จ่าย

  • ตั๋วเครื่องบินไปกลับ ดอนเมือง-ตรัง 200 บาท/คน
  • ที่พัก 3 คืน 710 บาท/คน
  • ค่ารถไฟ จากสถานีตรัง ไปสถานีกันตัง 5 บาท/คน
  • เรือเมล์ไปกลับท่าเรือ ควนตุ้งกู-เกาะมุก 40 บาท/คน
  • มอเตอร์ไซต์พ่วงข้างไปกลับ ท่าเรือ-รีสอร์ท 100 บาท/คน
  • ค่าน้ำมันรถ 300 บาท
  • ค่าอาหาร 8 มื้อ ทั้งหมด 1,280 บาท ตกคนละ 640 บาท

รวมทั้งหมด 1,995 บาท/คน

อัลบั้มรูป

Facebook Comments

You may also like...

3 Shares
Share3
Tweet
Pin